เมตตฆาต คำสั้นๆ ที่แปลว่า ความตายที่มีความสงบสุข

"เมตตฆาต" คำนี้ปู่คิดขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ปู่ได้พบเห็น เป็นเรื่องที่มีคนรู้ไม่มากนัก ปู่คิดว่ามีประโยชน์และเป็นสิ่งที่บางคนอาจพบเจอกับตัวเองในวันข้างหน้า ปู่จึงบันทึกไว้เป็นธรรมทาน คำว่า เมตตา มีความหมายถึงความรัก ปรารถนาดีมีไมตรีจิต คอยช่วยเหลือให้มีความสุข เมื่อรวมกับคำว่า ฆาต แปลว่าตาย รวมคำแล้วหมายถึง ความตายที่เกิดจากความปราถนาดี หรือความตายที่ช่วยเหลือให้มีความสงบสุข ลองมาพิจารณาเรื่องที่ปู่จะเล่าต่อไป

มีโทรศัพท์จากสาวเมืองจันทบุรีมาถึงปู่ เธอบอกว่าได้รับคำแนะนำให้พาแม่มารักษากับปู่ แม่ของเธอเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มีอาการปวดท้องและเมื่อขับถ่ายมีเลือดติดออกมาด้วย ปู่จึงถามว่าทำไมไม่พาไปหาหมอ เธอบอกว่าแม่กลัว อยากให้ปู่รักษา ปู่ตอบตกลง และหลังจากนั้นลูกสาวยายได้หาบ้านเช่าอยู่ใกล้ๆ บ้านปู่ เพื่อสะดวกในการเดินทาง

และเมื่อทุกอย่างพร้อม การรักษาจึงเริ่มต้นขึ้น เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ อาการปวดลดลงจนเกือบเป็นปกติ เลือดหยุดไหล การขับถ่ายดีขึ้น ปู่ค่อนข้างแปลกใจว่า ทำไมการรักษาได้ผลเร็วมาก ปู่คิดสงสัยว่าเจ้ากรรมนายเวรอาจมีอะไรซ่อนเงื่อนอยู่ เพราะวิบากกรรมที่เห็นค่อนข้างหนัก ไม่น่ารักษาได้ง่ายอย่างนี้ ส่วนยายและลูกๆ ดีใจที่อาการดีขึ้น จนกระทั่งปู่คิดว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ ปู่จะให้แกกลับบ้านได้

โดยก่อนหน้าที่จะถึงกำหนด เย็นวันนั้นหลังการรักษาเสร็จสิ้นลง แกบอกกับปู่ว่าลูกๆ ได้ซื้อเครื่องดื่มธัญญาหารมาให้ เป็นซองภายในรวมเมล็ดพืชไว้หลายอย่าง เมื่อกินไปแล้ว มันจะพองขึ้น ขยายตัวในท้อง เป็นกาก ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ปู่บอกว่ากินได้ เอาแค่ครึ่งซองพอแล้ว เพราะลำไส้ยังไม่แข็งแรงดี ต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่งก่อน แกตอบมาว่าต้องทั้งซองถึงจะได้ผลดี ปู่มาทราบภายหลังว่าในคืนนั้น แกปวดท้องอย่างรุนแรง ไม่สามารถขับถ่ายได้ แกกับลูกๆ จึงตัดสินใจกลับจันทบุรีทันที อาจเป็นเพราะวิบากกรรม ไม่มีใครคิดที่จะพาแม่เข้าโรงพยาบาลใกล้ๆ นั้น และแจ้งปู่เพื่อให้ไปรักษาแม่ เรื่องอย่างนี้ปู่ช่วยได้ไม่ยากนัก

เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ลูกแกโทรศัพท์มาหาปู่บอกว่า ตั้งแต่วันนั้น แม่ยังไม่ขับถ่ายเลย การที่ธัญพืชอยู่ในท้องนานขนาดนั้น ย่อมบูดเน่าและคงทำให้ร่างกายได้รับทุกข์เวทนาเป็นอย่างมาก ลูกสาวให้แม่คุยกับปู่ เสียงแกสั่นเครือและเบามาก แกพูดว่า อยากขอพรจากพ่อปู่ชีวกฯ ขอให้แกได้หลุดพ้นจากความทุกข์นี้ด้วย แกทนไม่ไหวแล้วมันเจ็บปวดไปหมด ขอให้แกได้ไปด้วยเถิด ปู่ฟังแล้วเวทนา สงสารมาก รับปากจะช่วยขอพรตามประสงค์ หลังจากนั้นอีกสองวัน ประมาณตีห้า ยายรู้สึกแจ่มใสขึ้น แกเรียกลูกสาวและพูดว่าแม่เห็นแสงสว่าง ลูกจึงบอกว่าให้แม่ตามแสงนั้นไป แกตั้งจิตตามแสงนั้นไปและจากไปโดยสงบ พวกลูกๆ พากันร้องไห้เสียใจอาลัยรัก แต่มีความยินดีที่ไม่ได้ยินเสียงร้องโอดโอย ด้วยความเจ็บปวดของแม่อีกต่อไป เรื่องนี้แสดงถึงความเมตตาของพ่อปู่ชีวกฯ ที่ได้ช่วยให้ยายหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนั้น เป็นเมตตฆาตแห่งเทพ

อีกรายหนึ่งเป็นชายไทยที่ไปเติบโต ทำมาหากินที่ออสเตรเลีย มากันสองคนผัวเมีย โรคที่เป็นคือมะเร็งปอด อาการหนักถึงขั้นสุดท้าย มีอาการหายใจติดขัด หอบ ด้วยเนื้อปอดเสียไปมากแล้ว ถ้าหากนอนหรือเอนตัวลงหรือนอนหลับ จะไม่สามารถหายใจได้ ต้องนั่งตลอดเวลา ปู่พบว่าแกนอน โดยการงีบเป็นช่วงสั้นๆ เหมือนคนสัปหงก ปู่ถามว่าเราหลับด้วยวิธีนี้หรือ? แกยอมรับว่าใช่ ปู่สงสารแกจับใจ ขณะที่รักษาปู่จึงคิดค้นหาความจริงจากจิตใจของแก ในที่สุดจึงรู้ว่าแกกลัวความตายมาก จึงยอมทนทุกข์แม้ว่าจะทรมานขนาดไหนก็ตาม

และเมื่อรู้ต้นเหตุแล้วปู่จึงค่อยๆ สอนแกให้เกิดปัญญา มองความตายเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้จิตใจแกอ่อนโยน และกล้าหาญขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนี้ เมียแกสังเกตุเห็นเหมือนกัน ปกติแกเป็นคนอารมณ์ร้ายฉุนเฉียว หลังจากนั้นแกเปลี่ยนไป ดูสงบและมีความสุขมากขึ้น การรักษาก็เป็นไปด้วยดี จนกระทั่งแกนอนได้ เสียงกรนดังสนั่น จากเดิมแกนั่งดูเมียหลับ ตอนนี้เมียมานั่งเฝ้าแก เพราะนอนไม่หลับจากเสียงกรนของแก

มีอยู่คืนหนึ่ง แกเกิดอาการช็อก ต้องนำส่งโรงพยาบาล สาเหตุคือแกไม่ยอมกินยา และอาหารเสริมที่หมอฝรั่งจัดให้ แกคงเบื่อเต็มที่ ช่วงหลังเริ่มกินอาหารปกติได้ แต่ระบบย่อยยังรองรับไม่ได้ดี แกจึงได้สารอาหารไม่เพียงพอและขาดยาที่จำเป็น ปู่ไปเยี่ยมที่ห้องคนป่วยหนัก แกดีใจมาก ปู่บอกกับแกว่าปู่จะมารักษาแกทุกวันจนกว่าแกจะกลับไปรักษาที่บ้านปู่ได้อีก แกน้ำตาคลอเบ้า ซาบซึ้งใจมาก จากนั้นปู่ได้ลากลับ ขณะนั้นแกพ้นขีดอันตรายแล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งคืนหนึ่ง ทางโรงพยาบาลได้โทรด่วน แจ้งเมียให้รู้ว่า ตอนนี้สามีความดันลดลงเรื่อยๆ ต้องการให้หมอกู้ชีวิตหรือไม่? เมียตอบว่าคงไม่ต้องช่วยแล้ว คืนนั้นแกหมดลมอย่างสงบ เรื่องนี้เป็นการปลดปล่อยด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า

ในสมัยที่ปู่มาทำหน้าที่รับใช้พ่อปู่ชีวกฯ ใหม่ๆ คนไข้ยังไม่มากเหมือนปัจจุบันนี้ ปู่ได้รับคำขอร้องให้ไปช่วยเหลือคนไข้ในห้องฉุกเฉิน เป็นหญิงชราฐานะค่อนข้างดีชอบทำบุญ แกช็อกและนอนนิ่งมาหลายวัน ปู่จึงรีบเดินทางและเข้าไปในโรงพยาบาล ระหว่างที่เดินผ่านโถงเพื่อเข้าไปในห้องคนไข้หนัก ได้เดินผ่านห้องเล็กๆ มีลูกๆ และสามีของยายนั่งคุยกับหมอ ได้ยินแว่วว่าให้ทำใจ ยายอาจไม่ไหว ให้ทุกคนเตรียมใจไว้

หลังจากนั้นปู่ได้เข้าไปที่เตียงคุณยายและเริ่มรักษาทันที ไม่นานนักคุณยายก็รู้สึกตัว และเวลาต่อมาได้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม หลังจากนั้นปู่กลายเป็นแขกประจำคอยดูแลคุณยาย จนกระทั่งคุณยายช็อกอีกครั้ง คราวนี้ค่อนข้างหนักกว่าทุกครั้ง ปู่ต้องใช้พลังช่วยพยุงเอาไว้ รักษาให้ทรงได้ต่อมาอีกสองวัน วันที่สามปู่ตัดสินใจเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพฯ เนื่องจากการช่วยในครั้งนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่วางไว้ ปู่ถูกตำหนิว่าแทรกแซงและทำเกินขอบเขตมากไป การถูกตำหนิลักษณะนี้ ปู่โดนบ่อยด้วยชอบสงสารผู้คน

ภายหลังมีคนเล่าให้ฟังว่า วันนั้นคุณยายหยุดหายใจ ทุกคนคิดว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว อึดใจหนึ่งคุณยายก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อีกพักใหญ่คุณยายก็จากไป คราวนี้ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ทุกคนค่อนข้างตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่หัวเราะและบอกกับคนที่เล่าว่า ครั้งแรกที่คุณยายจากไป และฟื้นอีกครั้ง เพราะเกิดอาลัยรักในความสุขและทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ ด้วยบุญบารมีที่สร้างไว้ คุณยายกลับเข้าร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง พอเข้าไปคุณยายได้พบกับความเจ็บปวดทรมานในสังขารที่กำลังแตกสลาย คุณยายจึงจำยอมทิ้งสังขารไปอีกครั้ง ไม่กลับเข้าไปอีกเลย

เรื่องที่เล่ามานี้ อาจไม่เกี่ยวข้องกับ เมตตฆาต โดยตรง แต่มีช่วงที่คุณยายช็อกครั้งแรก แกนอนนิ่งไปหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นมาปู่ได้ถามแกว่า ช่วงที่ช็อกนอนอยู่ในโรงพยาบาลนั้น คุณยายรู้สึกตัวหรือเปล่า? คุณยายเล่าว่า ช่วงนั้นแกรู้สึกตัวตลอด ใครไปใครมารู้หมด ไม่ได้นอนหมดสติอย่างที่คนเขาคิดกัน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวหรือลืมตาได้ เรื่องนี้ชวนให้นึกถึง คนที่นอนช็อกหมดสติเป็นปีๆ ถ้าหากยังรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ก็หมายความว่าคนๆนั้น ได้ถูกกักขังในร่างกายของตัวเอง เป็นที่กักขังที่แปลกประหลาด คงเป็นความทุกข์ทรมานที่ยากจะพรรณนา

ครั้งแรกที่ปู่ได้ไปช่วยคนในลักษณะเมตตฆาต เริ่มจากเพื่อนได้ไปขอร้องให้ไปช่วยแม่ที่นอนแน่นิ่งมานานแล้ว ในห้องคนป่วยหนัก หมอบอกว่าคงหมดทางรักษา จึงมาขอพึ่งบารมีพ่อปู่ชีวกฯ อยากขอร้องให้ปู่ไปช่วยให้ฟื้นขี้นมาอีกครั้ง ปู่เดินทางไปที่โรงพยาบาลและได้ตรวจดูแล้ว ได้บอกกับลูกคุณยายว่า ปู่มาช้าเกินไป ปู่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว หากจะช่วยคงเหลือเพียงหนทางเดียว คือการปลดปล่อยจากพันธนาการที่กักขังแม่เอาไว้ ถ้าทุกคนยินยอม ปู่ยินดีช่วยเหลือ ในที่สุดด้วยความรักและสงสารแม่ ทุกคนเห็นพ้อง ปู่จึงเชื่อมต่อและส่งพลังให้คุณยาย หลังจากนั้นไม่นาน ภายในคืนนั้นคุณยายได้จากไปด้วยอาการสงบ ลูกๆได้มาขอบคุณปู่ การช่วยเหลือคนเพื่อสร้างบุญบารมีในครั้งนี้ ทำให้ปู่รู้สึกแปลกๆเป็นความเมตตาที่ปู่ไม่คุ้นเคย!

ความเมตตาเป็นคุณธรรมที่ค้ำจุนโลก เป็นสิ่งปราถนาของทุกคน เป็นพลังที่ล้ำเลิศ แต่บางครั้ง ก็มาในรูปแบบที่คาดไม่ถึง สิ่งที่พ่อปู่ชีวกฯและปู่ได้ทำนั้น เป็นเพียงความเมตตาในการปลดปล่อยให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือ พระเมตตาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ทรงเสียสละความสะดวกสบาย ทนทุกข์ยากลำบาก เดินทางสั่งสอนมนุษย์อยู่ถึงสี่สิบห้าปี ท่านได้สอนแนวทางให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ ไม่ต้องวนเวียนกับการเกิดและตาย ไปสู่อิสระภาพและความสุขนิรันดรอย่างแท้จริง ...

  นำข้อมูลออกพิมพ์ !