“ การปฏิบัติ ท่านก็ทำเนสัชชิกังคะ อธิษฐานไม่นอน ไม่ยอมให้หลังแตะพื้นเป็นเดือนๆ อยู่เพียงในอิริยาบถ ๓ คือ เดิน ยืน และนั่ง เท่านั้น ส่วนอาหารการกินให้อยู่ด้วยความอดอยากยากแค้นเหลือเกิน การเดินจงกรมก็เดินครั้งละเป็นครึ่งค่อนวัน เดินจนเท้าแทบจะแตกทะลุ ”
“ ทุกข์มากเท่าไร เวทนาเกิดขึ้นเท่าไร ก็ราวกับว่าเป็นเชื้อเพลิงที่โหมใส่สติปัญญาให้หมุนเป็นเกลียวขึ้นมาอย่างเป็นใจ ถือเอาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากไข้ นึกถึงความตายที่ขวางอยู่ข้างหน้า ที่จะต้องพุ่งเหมือนพญาเสือ จะพุ่งเข้าใส่ศัตรูเอาชนะห้ำหั่นมัน กิเลสที่เกิดขึ้นจะต้องประหารกันให้ชนะเขาเสียบ้าง สติปัญญาเกิด สติแก่กล้า ปัญญาเกิดทุกขเวทนามันขึ้นจะหลีกเลี่ยงไปไหนก็ไม่ได้ ต้องสู้กัน เมื่อมันจนตรอกอยู่ ไม่เห็นทางที่จะหนีหายไปไหนได้ จึงมีแต่ว่าจะต้องหันหน้าสู้กันอย่างเดียว จึงจะเอาชนะกันได้ ”
“ ท่านเร่งภาวนามาก ใจดำริมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์ พระอริยเจ้าทำสำเร็จ เราทำไมไม่สำเร็จ ธรรมก็มีอยู่ในตัวเราแท้ เดินวิปัสสนาควบคู่ไป เป็นการม้างกาย ที่ท่านเรียกว่า ม้างกายที่ฉลาด ม้างกายด้วยไตรลักษณ์ พยายามประหารกิเลสให้สิ้นไป ”
“ ปัญญาพาค้นคว้าดำเนินไป ... จิตก็ตามไป หมุนเป็นเกลียวอย่างไม่หยุดยั้ง ลืมวันลืมคืน บางเวลาจิตก็ม้วนกลมลงสู่จิตเดิม จิตหด แต่บางเวลาปัญญาหมุนติ้ว จิตเหินตามไป ... ที่สุดของจิตซึ่งท่านเคยคิดว่าอยู่แสนไกล ประดุจอยู่ปลายสุดสะพานรุ้ง ก็กลับเป็นดูใกล้ ... แทบจะเอื้อมมือถึงได้ บางเวลาเกิดปิติปลื้มคิดว่า นี่แหละ ... นี่แหละ ... ถูกแล้ว ... ใช่แล้ว จิตกลับตกลงมาใหม่ เกิดสะดุดหยุดยั้งคิด เพียรซ้ำเพียรซ้อน ล้มแล้วลุก ลุกแล้วล้ม ... ล้มลุกคลุกคลานอยู่คนเดียว ”
“ จิตที่ถูกทรมาน ลงแส้กำหลาบมาอย่างหนัก สุดท้ายก็เหนื่อยอ่อน จิตวาง จิตสงบ จิตไม่กำเริบ จิตคงที่ ไม่แปรไปตามสังขารจิต ไม่ขึ้น ไม่ลง ...จิตเกษม ”
โดย : พระหลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบึ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย