พระพุทธมนต์บทนี้ เป็นคาถาที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ของสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา ถือว่าเป็นสวรรค์ชั้นแรกสุดของสวรรค์ ๖ ชั้น มีวิมานอยู่บนยอดเขายุคันธร คือ ท้าวธตรฐ จอมคนธรรพ์, ท้าววิรุฬหก จอมกุมภัณฑ์ ,ท้าววิรูปักษ์ จอมนาค, ท้าวเวสสุวรรณ จอมยักษ์ ท้าวเธอมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่เกรงว่าบริวารที่ไม่เลื่อมใสจะไปรบกวนการปฏิบัตธรรมของพระสาวก จึงตกลงกันผูกมนต์บทนี้ที่อาฎานาฎิยนคร จึงมีชื่อเรียกตามชื่อเมืองที่แต่งนั่งเอง
โดยเนื้อหาในบทมนต์ ก็แต่งเป็นบทสวดสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ คือ พระวิปัสสีพุทธเจ้า พระสิขีพุทธเจ้า พระเวสสภูพุทธเจ้า พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า กระกัสสปพุทธเจ้า และพระโคดมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
ครั้นแต่งมนต์บทนี้เสร็จ ก็ประกาศแก่บริวารทั้งหลายว่า เวลาใดที่ได้ยินเสียงผู้ใดสวดสาธยายมนต์บทนี้ ให้ถือว่าผู้นั้นได้อยู่ในเขตรักษาของธรรมห้ามพวกเจ้าเข้าไปทำอันตราย ใครไม่เชื่อฟังจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง เพราะถือว่าได้ทำร้ายบุคคลผู้เลื่อมใสพระรัตนตรัยเช่นกับเรา เมื่อป่าวประกาศแก่บริวารแล้ว ท้าวเธอทั้ง ๔ ก็มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อถวายมนต์บทนี้ให้พระสงฆ์นำไปสวดสาธยาย จนกลายเป็นตำนานสวดภาณยักษ์เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายในปัจจุบัน
บทนี้ที่มีอานุภาพขับไล่ความชั่วร้ายออกไปได้ ด้วยอาศัยการอ้างถึงอำนาจคุณความดีของพระพุทธเจ้าถึง ๗ พระองค์ เป็นสำคัญ ถึงกระนั้นยักษ์มารที่ควรจะขับไล่ออกไปจากตัวเป็นอันดับแรก คือ ความโลภ โกรธ หลงนั่นเอง โดยให้สวดมนต์บท อาฏานาฏิยปริตร จากด้านล่าง
วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะ วุสีมะโต
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ.