มาทำสมาธิกันเถอะ
การทำสมาธิ คือ การทำจิตให้ปราศจากอารมณ์ เมื่อทำได้แล้ว จิตจะเบาสบาย เกิดความสงบสุข
ปรัชญา (แนวคิด) สมาธิที่ทำพอดี ก็ดีพอ เด็กทำได้ผู้ใหญ่ทำดี
สมาธิ มีความสำคัญในฐานะเป็นตัวผลิตพลังจิตให้แก่ผู้ปฏิบัติเพื่อจักได้ใช้พลังจิตนั้นไปทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและคนอื่นรวมทั้งแก่สังคมประเทศชาติและแก่โลกในที่สุด แต่เนื่องจากในชีวิตประจำวันคนส่วนมากมักยุ่งอยู่กับภารกิจต่างๆ จนอ้างว่าไม่มีเวลาทำสมาธิ พระเดชพระคุณพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) จึงได้คิดวิธีทำสมาธิที่คนทั่วไปสามารถทำได้แบบง่าย ๆ และตั้งชื่อเรียกว่า “วิทิสาสมาธิ” มีความหมายว่า สมาธิที่สามารถทำได้ในทุกที่และทุกโอกาส
สมาธิมีความสำคัญต่อมวลมนุษย์อย่างไร ?
ตามปรกติ คนเรามักมีอารมณ์ (คือสิ่งที่ใจรับรู้) ล้นเหลือ เมื่อเขาเริ่มทำสมาธิ เขามีคำบริกรรมคำเดียวว่า “พุทโธ ๆๆ” เป็นต้น (คำบริกรรมจะว่าคำอะไรก็ได้ แต่ให้ว่าเพียงคำเดียว) อารมณ์ที่ล้นเหลือก็จะเหลืออารมณ์เดียว คือ พุทโธ แสดงว่าจิตเป็น “หนึ่ง” แล้ว
สมาธิธรรมชาติที่มีเชื้ออยู่ในตัวของเราก็จะเข้ามาร่วมทันที และทันทีนั้นเองจิตจะเกิดสมาธิเองโดยอัตโนมัติอย่างฉับพลัน สมาธิก็จะผลิตพลังจิตขึ้นมาเอง พลังจิตก็จะเข้ามาแทรกซึมนอนเนื่องอยู่ที่จิตเป็นการถาวรและสะสมไว้ที่จิต เมื่อมีการทำสมาธิต่อไปพลังจิตก็จะสะสมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สมาธิที่สร้างขึ้นมานี้เป็นตัวพัฒนาเพิ่มพลังจิตเป็นพิเศษโดยเป็นบวกตลอดเวลา
สมาธิผลิตพลังจิต พลังจิตจะเกิดขึ้นมาได้จากสมาธิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พลังจิตนี้เองที่ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หมายถึง มนุษย์ทุกคนมีพลังจิตที่เป็นธรรมชาติ สมาธิที่สร้างขึ้นที่พัฒนาจากสมาธิธรรมชาติเป็นความพิเศษโดยเป็นการเพิ่มเติมให้สมาธิธรรมชาติมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ดูตัวอย่างเด็กที่ขาดสมาธิพลังจิตต่ำจะอยู่ไม่เป็นสุข นิ่งได้ไม่นานเดี๋ยวก็ยุกยิกๆ หรือคนบ้าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือคนที่ฟุ้งซ่าน หงุดหงิดกระสับกระส่ายจะหาทางออกด้วยวิธีรุนแรง ทั้งนี้เพราะพวกเขาสมาธิต่ำขาดพลังจิต
สมาธินี้ทำครั้งละ ๕ นาที วันละ ๓ ครั้ง โดยประมาณวันหนึ่ง ๓ ครั้งรวมแล้วจักได้วันละ ๑๕ นาที รวมแล้ว ๑ เดือนจักได้เวลาฝึกสมาธิถึง ๗ ชั่วโมง ๓๐ นาที อาตมาเห็นว่าไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวและก็จักได้พลังจิตสะสมไว้พอควรในแต่ละเดือน เหมาะสำหรับคนทุกวัยทุกสาขาอาชีพไม่ว่านักบริหาร นักปกครอง นักธุรกิจ กรรมกร แต่การทำสมาธิอย่างนี้หากทำโดยไม่มีกฎเกณฑ์ ก็จะทำให้ไม่มีความมั่นคง หรือไม่มีผู้รู้เป็นที่ปรึกษากำกับก็จะไปไม่ได้ตลอด
การทำวิทิสาสมาธิ มีวัตถุประสงค์ให้คนทั่วไปไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ใช้เวลาว่างทำเพื่อจะได้มีโอกาสได้พลังจิตรวมเป็นชั่วโมงแล้วได้ประมาณ ๒๐๐ หรือ ๓๐๐ ชั่วโมงเป็นของตัวเอง หากได้ประมาณนี้ นับว่าเป็นเวลาที่ได้พลังจิตขั้นพอใช้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาแรมปีก็ยังเป็นที่หวังได้แก่เขา เพราะว่าพลังจิตที่สะสมไว้ในจิตไม่มีการสลายตัวมีแต่จะเพิ่มไปเรื่อยๆ
การทำสมาธิขั้นพื้นฐาน ที่เป็นสัมมาสมาธิเหมาะสมทั้งแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนเมื่อทำวิทิสาสมาธิก็ยังสามารถใช้ชีวิตตามปรกติธรรมดาไม่ต้องละทิ้งการงานให้เสียไป แต่กลับเป็นการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงานนั้นๆ เช่นการได้พักผ่อนโดยไม่สิ้นเปลือง มีการตัดสินใจในการดำเนินกิจการได้ดีขึ้น
วิทิสาสมาธิคืออะไร ?
หลักวิธีการทำสมาธิที่ง่ายที่สุด ใช้เวลาทำสมาธิน้อยที่สุด แต่ให้ผลประโยชน์ที่ได้จากการทำสมาธิ คือ พลังจิต สูง อย่างต่อเนื่อง (ทำน้อยแต่ได้ผลมาก) และเพียงพอต่อความต้องการของจิตใจให้สามารถดำรงความเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์
วิทิสาสมาธิเหมาะกับบุคคลเช่นไร ?
เหมาะกับทุก ๆคน ไม่ว่า เด็ก หรือผู้ใหญ่ เคยฝึกสมาธิหรือไม่เคย และเหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีภาระหน้าที่การงานมาก หาเวลาว่างในชีวิตประจำวันเพื่อทำสมาธิได้น้อย
วิทิสาสมาธิทำแล้วได้ประโยชน์อย่างไร ? (ประโยชน์ของสมาธิ)
๑. ทำให้หลับสบายคลายกังวล
๒. กำจัดโรคภัยไข้เจ็บ
๓. ทำให้สมองปัญญาดี
๔. ทำให้รอบคอบก่อนทำงาน
๕. ทำให้ระงับความร้ายกาจ
๖. บรรเทาความเครียด
๗. มีความสุขพิเศษ
๘. ทำให้จิตอ่อนโยน
๙. กลับใจได้
๑๐. เวลาจะสิ้นลม พบทางดี
๑๑. เจริญวาสนาบารมี
๑๒. เป็นกุศล