พระพุทธมนต์บทนี้ เป็นคาถาที่ท่านแต่งรวมใจความพระสูตร ๓ สูตร คือ มหากัสสปโพชฌังคสูตร มหาโมคคัลลานโพชฌังคสูตรมหาจุนทโพชฌังคสูตร ทั้ง ๓ พระสูตร กล่าวถึงอาณิสงส์การเจริญโพชฌงค์ ๗ เหมือนกัน
โพชฌังคปริตร เป็นบทสวดประเภทสัจกิริยา แปลว่า การตั้งความสัตย์ หรือสัจจาธิฐาน แปลว่า การอธิษฐานใจโดยอ้างสัจจะให้สังเกตดูคำสวดท้ายบทที่ว่า "เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา" เป็นการสวดเพื่อตั้งสัจกิริยา หรือสัจจาธิษฐาน
การรักษาโรควิธีนี้ พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้รักษาพระพุทธบิดาพระเจ้าสุทโธทนะซึ่งประชวรหนัก พระพุทธองค์เสด็จไปเยี่ยวแล้วทรงอธิษฐานจิตให้โรคในกายของพระบิดาระงับ ใช้พระหัตถ์เสด็จลูบพระเศียรพระบิดา พระอานนท์ลูพระหัตถ์ขวา พระนันทะลูบพระหัตถ์ซ้ายพระราหุลลูบพระปฤษฎางค์ (หลัง) ปรากฏว่าอาการประชวรของพระพุทธบิดาหายไปจากพระวรกายเสียสิ้น
ดังนั้น หัวใจสำคัญของการรักษาโรคด้วยวิธีนี้อยู่ที่การตั้งสัจจะระลึกถึงความจริง ๒ ประการ ได้แก่ ความจริงของบทสวด คือ เชื่อมั่นว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้โพชฌังคปริตรรักษาพระมหาโมคคัลานะ เป็นต้น หายจากอาพาธได้จริง และสัจบารมีของผู้ทำสัจกิริยา คือ บุญกุศลความดีของผู้ทำสัจกิริยามีมาก
เมื่อเชื่อมั่นอย่างนี้ ขณะกล่าวคำสวด และใจของผู้สวดตรงกันเป็นความจริงแล้ว จึงเกิดปีติความอิ่มใจ เมื่อรวมกับอานุภาพพระรัตนตรัยย่อมเกิดเป็นพลังพุทธมนต์อันยิ่งใหญ่รักษาโรคให้หายได้