ธรรมดาผู้ป่วยย่อมมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง จะลุกจะนั่งก็ลำบากสภาวะจิตใจก็แปรเปลี่ยนได้ง่าย การปรนนิบัติดูแลผู้ป่วยได้บุญอย่างไรพระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัญฑิต) ท่านกล่าวแนะนำไว้ว่า (คัดจากหนังสือไขข้อข้องใจ)
"การรักษาพยาบาลผู้ป่วย ถือว่าเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่เขา ช่วยชีวิตเขาให้รอดจากความตาย จากความทุกข์ทรมาน หากผู้ป่วยนั้นเป็นคนสำคัญ มีประโยชน์ต่อสังคมต่อครอบครัวด้วยแล้ว เท่ากับว่าได้ช่วยสังคม ช่วยครอบครัวของเขาให้พ้นทุกข์ไปด้วย นับเป็นการทำประโยชน์อย่างสูง เมื่อช่วยให้เขาได้ชีวิตคืนมา ช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ภัย ไข้เจ็บ ผู้รักษาพยาบาลก็ย่อมได้ผลสนอง คือ เกิดในภพใดชาติใดก็จะไม่เป็นคนขี้โรคอ่อนแอ จะเป็นคนมีอายุยืน"
ดังมีหลักฐานปรากฏในจูฬกัมมวิภังคสูตร (จู ละ กำ มะ วิ พัง คะ สูด แปลว่า สูตรว่าด้วยการจำแนกกรรมสูตรเล็ก) ตอนหนึ่งว่า
"ผู้ที่ไม่มีโรค เพราะทำกรรมคือไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีจิตศรัทธาบริจาคเภสัชรักษาโรคเป็นประจำ ทั้งยังสร้างห้องน้ำห้องส้วมถวายพระสงฆ์สามเณรด้วย"
ก็เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ผู้รักษาพยาบาลนั้น แม้จะไม่บริจาคยาด้วยตนเอง ก็เท่ากับให้ยา บอกยา แก่คนไข้ ทำให้เขาหายโรคหายทุกข์ ดังกล่าวแล้ว ย่อมได้ผลเช่นผู้บริจาคยาเหมือนกัน
อนึ่ง หากรักษาพยาบาลภิกษุไข้สามเณรป่วย หรือผู้ทรงศีลด้วยแล้ว ยิ่งมีผลมาก ย่อมได้รับบุญมากเท่าๆ กับได้รักษาพยาบาลพระพุทธเจ้าทีเดียว ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
"ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรักษาพยาบาลบำรุงภิกษุไข้ ก็เท่ากับรักษาพยาบาลบำรุงเราตถาคต"