จงลดกรรมร้าย แล้วขยายกรรมดี มิเช่นนั้น หลังตายไปต้องเกิดเป็น
" เปรตมีขนเป็นเข็ม "
เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล วันหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานเถระอัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้มีทิพพจักขุ (ทิบ พะ จัก ขุ แปลว่า ตาทิพย์) ได้เห็นเปรตบุรุษมีขนเป็นเข็ม ลอยอยู่ในเวหาส (เว หาด แปลว่า อากาศ ท้องฟ้า) ขนเข็มของเขาได้หลุดลอยไปจากตัว แล้วกลับตกลงมาแทงเข้าไปที่ศรีษะแล้วออกทางปาก แทงปากแล้วออกทางอก แทงอกแล้วออกทางท้อง แทงท้องแล้วออกทางขาอ่อน แทงขาอ่อนแล้วออกทางแข้ง แทงแข็งแล้วออกทางฝ่าเท้า
หลังจากนั้น เปรตตนนั้นได้แต่ส่งเสียงร้องครวญครางด้วย ความเจ็บปวดเป็นยิ่งนัก
พระเถระจึงนำเรื่องที่ท่านเห็นเปรตนั้นมาทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าประวัติเปรตตนนี้ให้ฟังว่า
ในชาติก่อนที่เกิดเป็นมนุษย์ เปรตตนนี้ ประพฤติชั่วทางวาจา คือ ชอบกล่าวส่อเสียด(กล่าวส่อเสียด หมายถึง การพูดยุยงให้ผู้อื่นแตกกัน โดยหวังจะทำลายเขาหรือให้เขามารักตน) คนอื่นเป็นประจำ เมื่อตายไปก็ตกนรกหมกไหม้อยู่สิ้นกาลช้านาน ครั้นชดใช้กรรมในนรกแล้ว ยังมีเศษกรรมเหลืออยู่ จึงต้องมาเกิดเป็นเปรตมีขนเป็นเข็ม และถูกขนเข็มของตนทิ่มแทงตลอดเวลา ต้องเสวยทุกขเวทนาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวสมกับที่ชอบกล่าวคำส่อเสียดผู้อื่น