ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
 

 

รวมลิ้งค์ เว็บไซต์ธรรมะ ที่น่าสนใจ
  THAIWARE Dharma | รายละเอียด บทความ บทสวด บทคาถา ธรรมะ
เลือกขนาดตัวอักษร ขนาดตัวอักษร :  ก   ก   ก   ก 

สิ่งทั้งปวงเป็นธรรมะ (ปีที่ 2 ตอน 5) นึกคิดไปเรื่อย ทั้งกุศลและอกุศล

 

    Share  
 

 

 

อังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2555 (พาราณสี - กุสินารา)
นึกคิดไปเรื่อย ทั้งกุศลและอกุศล

เช้านี้หลายคนรีบตื่นไปแม่น้ำคงคากันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ข้าพเจ้าไม่ไป ส่วนพี่หมูไปไม่ทัน วันนี้บริกรขอให้ตอบแบบสอบถาม ก็ตอบว่าดี ดีมาก แล้วชมเพื่อให้กำลังใจ โดยระวังไม่ให้เกินจริง จะกลายเป็นโกหก จากนั้นก็ออกเดินทางไปกุสินารา ระหว่างทางอาจารย์สงบและอาจารย์กาญจนาจะสลับนั่งระหว่างรถสองคัน โดยอาจารย์สงบจะเล่าพุทธประวัติ และพระสูตรสำคัญๆ ให้เราได้ฟังกัน ตลอดการเดินทางจนถึงลัคเนาว์ ขอขอบพระคุณในเมตตาจิต และอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทั้งสอง ข้าพเจ้าไม่ได้จดบันทึกรายละเอียดที่ท่านบรรยาย เพราะหลับๆตื่นๆ ด้วยอาการไข้หวัดจึงฟังไม่เต็มที่ ข้าพเจ้าขอให้อาจารย์ช่วยตีพิมพ์เป็นเล่ม โดยเฉพาะรายละเอียดในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หากได้พิมพ์แจกให้คนทั่วไปได้ทราบว่า อริยสัจสี่ ไม่ได้มีเพียงคำว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อุปาทานขันธ์ห้า ตัณหา และอริยมรรคมีองค์แปด แต่จริงๆ มีรายละเอียดของธรรมะต่างๆ ในอริยสัจแต่ละประการ ที่ละเอียด ลึกซึ้ง ลุ่มลึก และยากกว่าที่คิดไว้มากนัก จะได้เข้าใจในพระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากขึ้น และไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่คิดว่าทำสมาธิก็พอแล้ว ไม่ต้องศึกษาพระธรรมก็ได้ ถึงตรงนี้ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมสักเล็กน้อย โดยว่ากันตามเหตุตามผล พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้เป็นตัวแทนพระองค์ พุทธศาสนิกชนทุกคนจึงควรศึกษาพระไตรปิฏก อรรถกถาต่างๆ หรือฟังพระธรรม (ปริยัติ) เพื่อให้รู้และเข้าใจสภาพธรรมต่างๆ อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง (ปฏิบัติ) จนกระทั่งประจักษ์แจ้งในลักษณะของรูปธรรม นามธรรม ขันธ์ห้าและไตรลักษณ์ของสรรพสิ่งที่ปรากฏทางทวารทั้งหก จนกระทั่งขัดเกลา ละคลาย และกำจัดกิเลสประเภทต่างๆ ได้ (ปฏิเวธ) เป็นขั้นตอนที่เป็นไปตามลำดับ จะข้ามขั้นตอนไม่ได้ เพราะธรรมะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ของผู้ศึกษาเอง ที่นิยมพูดกันว่า เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ในการขัดเกลา ละคลายกิเลสให้หมดสิ้นไปเป็นลำดับจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ถ้านั่งสมาธิ โดยไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรบ้าง ไม่รู้ ไม่เข้าใจในสัมมาสมาธิ แล้วจะได้อะไรจากสมาธิ สมาธิมีอยู่แล้วทุกขณะจิต แต่สมาธิขณะที่รู้จักกิเลส ขณะที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่ปรากฏในปัจจุบัน ขณะที่สงบจากกิเลส ขณะที่ละกิเลสได้ เป็นสมาธิที่น่าสนใจ น่าศึกษามากกว่า

ถึงกุสินาราในยามบ่ายใกล้จะค่ำ อากาศเย็น จะถวายผ้าห่มรอบพระสถูปปรินิพพาน แต่ผ้ายาวไม่พอ นัยว่าแขกตัดผ้าให้ขาดไปเป็นเมตร เลยห่มไม่ได้ ถ้ามีเชือกฟางติดมาสักม้วน คงได้ห่มสำเร็จ แต่เหตุปัจจัยไม่อำนวย จึงได้แต่กระทำประทักษิณ เวียนเทียนสามรอบ จากนั้นไปถวายผ้าห่มองค์พระพุทธรูปปางปรินิพพานในวิหาร ในเรื่องการจัดหาไทยธรรม ผ้าถวายพระพุทธ เครื่องประดับตกแต่ง อามิสบูชาต่างๆ ก็อาศัยน้องเต้ย คุณเล็ก และพี่ๆน้องๆในคณะจัดหาเตรียมมา  ส่วนภาคพิธีการหรือการกล่าวถวายผ้าห่ม ผ้าป่าต่างๆ ก็ได้รับความกรุณาจากอาจารย์สงบทุกครั้ง สาธุ

คืนนี้นอนโรงแรมโลตัส นิกโก้ (Lotus Nikko Hotel) ช่วงที่ไปดูโทรมๆ อาจเพราะต้นไม้ยังไม่ออกดอก แปลงปลูกต้นไม้ดูโล่งๆ ห้องพักภายในโรงแรมนี้จะกว้างมาก สไตล์ญี่ปุ่น ห้องส้วมและห้องน้ำแยกคนละห้อง มาทีไรไม่เคยได้ใช้แอร์ เพราะอากาศหนาวเย็นทุกที

พุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (กุสินารา – ลุมพินี)
จิตนั้นวิจิตรไปตามการสะสมมาในอดีต จึงเป็นปัจจัยให้แต่ละคนมีนิสัยแตกต่างกันไป

ไปกราบและถวายผ้าห่มพันรอบมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีรางคารของพระพุทธองค์แต่เช้า อากาศเย็น มีหมอกและน้ำค้าง ข้าพเจ้าเวียนเทียนรอบพระสถูป แต่มีช่วงหนึ่ง พระต่างประเทศกับโยมยืนสวดมนต์บนทางเดินเต็มพื้นที่ ก็ต้องลงไปเดินที่พื้นหญ้า อีกช่วงหนึ่ง พระไทยและญาติโยมปูผ้านั่งสวดมนต์ที่พื้นหญ้า ติดทางเดิน พี่ๆน้องๆ ที่เดินข้างหน้าข้าพเจ้า ไม่เดินผ่านไปตามทางเดินข้างหน้า แต่ลงไปเดินที่พื้นหญ้าอ้อมไปข้างหลัง จนพ้นแล้วจึงเดินต่อบนทางเดิน จริงๆ ข้าพเจ้ากะจะเดินค้อมตัวลงเวลาผ่าน เพราะเวลาที่เดินเหยียบไปที่พื้นหญ้า ถุงเท้าเปียกและเท้าเย็นเจี๊ยบ แต่คนข้างหน้าทำเช่นนี้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจที่จะทำอย่างที่คิดไว้ และเห็นว่าเป็นกิริยาที่ดี ที่สมควรกระทำ เป็นกุศลจิตที่มีความนอบน้อมในพระสงฆ์และผู้ที่กำลังแสดงความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย มานึกว่าความหยาบ ความละเอียดประณีตของจิตใจคนนั้นแตกต่างกันมาก จิตนั้นวิจิตรไปตามการสะสม ข้าพเจ้าเวียนเทียนรอบเดียวเพื่อสุขภาพ  จากนั้นไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไข้หวัดยังเล่นงานอยู่ เลยไม่ได้เดินไปซื้อยาที่ร้านหิมาลายา หน้าคลินิกของวัด

จากนั้นเดินทางไปลุมพินี ข้าพเจ้าหลับๆ ตื่นๆ จนถึงโรงแรมนิวคริสตอล (New Crystal) กุ๊กทำอาหารไทยอร่อย ไม่ว่าจะต้มยำ ผัดกระเพราไก่ มีน้ำปลาพริกด้วย ข้าพเจ้าค่อยสดชื่นขึ้น โรงแรมอยู่เยื้องกับปากทางเข้าลุมพินีวันสถานที่ประสูติ พวกเราจึงเดินกันไป ข้าพเจ้าเดินเข้าเป็นครั้งแรก ปกติขึ้นสามล้อทุกครั้ง ไกด์อินเดียบอกว่า ค่าสามล้อ 50 รูปีส์ แพง! เดินดีกว่า ไม่ไกลเท่าไร ปรากฏว่าพระเณรทิเบตเดินกลับวัดพอดี เป็นร้อยๆ เดินกันจีวรปลิว ฝุ่นตลบ กว่าจะเดินถึงสถานที่ประสูติ เล่นเอาคุณน้า คุณอา หลายท่านเหนื่อยกันไปพอสมควร โชคดีที่พี่อนุสรณ์ลูกสาวคุณลุงสากล ซึ่งอายุ 94 ปี หาสามล้อให้คุณพ่อได้ ขากลับกลับอีกทาง ระยะใกล้กว่า ค่อยยังชั่ว วันนี้ที่วิหารมายาเทวี คนต่อคิวยาวมาก ข้าพเจ้าเปิดสวิทช์เทียนปลอม ที่น้องเต้ยแจกไว้ให้ทุกคน แล้วเวียนเทียนหนึ่งรอบ จากนั้นมาที่เสาหินพระเจ้าอโศก ได้เวียนเทียนด้วยเทียนจริง ก่อนมานั่งด้านหลังพระแขกที่ท่านกำลังสวดมนต์อยู่ ทางตอนท้ายลานอิฐที่ชาวไทยขออนุญาตรัฐบาลเนปาลทำถวายพระพุทธองค์ ข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป พอเห็นสาวสวยชาวทิเบต (สังเกตจากการแต่งกาย ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย) ยืนชิดติดกับพระและเพื่อนๆ ถ่ายรูปกันอยู่หน้าเสาพระเจ้าอโศก ข้าพเจ้าก็ซูมภาพแล้วถ่ายเก็บไว้ ตามประสาคนชอบหาเรื่อง ศาสนาพุทธในนิกายมหายานนั้น ไม่ถือในพระวินัยมากนัก พระแต่งงานได้ เช้ามาอยู่วัด เย็นกลับไปนอนบ้านก็มี พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทคือพระวินัย ด้วยสาเหตุสิบประการ ประการสำคัญประการหนึ่งก็คือ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม จริงๆ แล้ว ผู้ที่แต่งงานแล้วมาอยู่วัดแบบเช้าไปเย็นกลับ น่าจะเป็นอุบาสก มากกว่าเป็นพระ ข้าพเจ้านั่งเล่นจนใกล้ค่ำเต็มที จึงหาเพื่อนเพื่อชวนเดินกลับกัน

นึกถึงเวลาเวียนเทียน บางครั้งข้าพเจ้าสวดอิติปิโส บูชาพระคุณของพระรัตนตรัย บางครั้งถ้ามีปัจจัยให้สติเกิดก็พยายามอบรมเจริญปัญญา และบางครั้งก็ฟุ้งซ่าน รำคาญใจด้วยเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา หรือห่วงนั่น พะวงนี่ในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น การเวียนเทียนของข้าพเจ้าจึงมีทั้งกุศลและอกุศลปะปนกันไปเช่นนี้ เคยมีผู้ถามท่านอาจารย์ว่า เวลาเวียนเทียนควรทำอย่างไร ท่านตอบว่า วางแผนอีกแล้ว ทุกอย่างเกิดตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ เป็นอนัตตา

คณะเราไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยลุมพินี ที่วัดนี้มีหมาตัวหนึ่ง รูปร่างท่วงทีดี พระท่านเล่าประวัติให้ฟังว่าเป็นหมาไทยพันธุ์บางแก้ว ที่ติดตามท่านทูตมาเนปาลแล้วไม่สามารถพาต่อไปประเทศอื่นได้ จึงต้องฝากพระเลี้ยง เจ้าตัวนี้ใจดีกับคนไทย ถ้าคนเนปาลหรือจากที่อื่นเขาจะกัด เขายังตาละห้อยคอยชะเง้อหาเจ้านายเสมอเวลาคนไทยมาวัด ฟังเรื่องแล้วสงสารเจ้าหมาน้อย ข้าพเจ้าชอบแกว่งปากหาอกุศลจิตเสมอ แถมยังไปสืบทราบในภายหลังว่า เจ้าหมาน้อยตัวนี้มีลูกมีหลานอยู่ที่อินเดียอีกหลายตัว ใกล้ๆ วัดไทย มีวัดเกาหลีที่ข้าพเจ้าอยากไปชม เพราะเมื่อหลายปีก่อนเคยไปนอนพักวัดเกาหลี แล้วเห็นว่ากำลังสร้างโบสถ์หลังใหญ่ จึงอยากไปชมความงาม แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที

ไม่ได้ทานอาหารเย็น ขึ้นมาห้องพักก่อนพี่หมู พอเข้าห้อง ก็รู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่กลัวเพราะยังไม่ได้นอน วางกระเป๋าสะพายที่ปลายเตียง อยู่ๆ ก็ตกลงมาที่พื้น ทำอะไร ก็เหมือนมีเสียงสะท้อน พอเข้านอน ข้าพเจ้าก็นอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะระแวงผี (ท่านที่ไม่กลัวผี โปรดเห็นใจคนกลัวผี กลัวจริงๆ ไม่ล้อเล่นเลย) และเพราะอาการไข้หวัดดีขึ้นแล้ว ช่วงไข้หวัดเล่นงานหนัก ข้าพเจ้าไม่ได้มีโอกาสเจอผี เพราะหมดแรงข้าวต้มผสมแรงยาแก้หวัดเลยหลับตลอดคืน แม้จะศึกษาธรรมมีความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงมากขึ้น ความรู้สึกกลัวผีก็ยังมีแต่ไม่มากอย่างแต่ก่อน ข้าพเจ้าเคยนึกเล่นๆ ว่าโชคดีแล้วที่กลัวผี ทำให้ข้าพเจ้าสนใจทำความดี สนใจศึกษาพระธรรม เพราะคิดว่าถ้าเราทำดี ศึกษาพระธรรม ก็จะได้มีบุญให้เขาอนุโมทนาเยอะๆ ผีคงเมตตาไม่มาหลอกหลอนคนที่ตั้งใจทำความดี มีธรรมะในใจ (พยายามติดสินบน) ถ้าไม่กลัวผี ป่านนี้คงต้องต้อนรับกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะญาติมิตรต่างภพเยอะเหลือเกิน ขนาดกลัวก็ยังพยายามมาหา ข้าพเจ้านอนๆ อยู่พอกำลังเคลิ้มหลับก็มีเสียง ตุ๊บๆ ที่พื้น ข้าพเจ้าไม่นึกคิดปรุงแต่งเสียงที่ได้ยิน  รีบอุทิศส่วนกุศลให้ทันที เสียงก็หยุด  แล้วข้าพเจ้าก็หลับต่อ แต่แล้วก็ต้องตื่นด้วยมีเหตุปัจจัยให้โสตวิญญาณรู้เสียงหวีดแหลมเล็กๆ ยาวๆ สองครั้ง ก็อุทิศส่วนกุศลให้อีก เสียงก็หยุด ต่อมาพี่หมูลุกไปเข้าห้องน้ำ เลยใจชื้น หลับต่อ หลับสักพัก ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องแปลกๆ ก็อุทิศส่วนกุศลให้ เงียบไป สักพักร้องอีก ข้าพเจ้าลืมตา เอ เอาไม่อยู่ จะเอายังไงกัน กลัวจนชักจะโมโหแล้ว คือความกลัวเป็นโทสะ และโมโหก็เป็นโทสะ แต่เป็นคนละประเภทกัน คือโทสะเบิ้ลแล้ว ข้าพเจ้าลืมตามองไปที่เตียงพี่หมูเพื่อหาผู้ช่วยทันที อ้าว ! พี่หมูยังไม่กลับมานอน โธ่เอ้ย เสียงพี่หมูนี่เอง นึกว่าเจอของจริงแล้วงานนี้ ปรากฏว่าพี่หมูเริ่มเจ็บคอ ไม่รู้ว่าติดหวัดจากข้าพเจ้า หรือติดจากใคร แต่ตอนนี้คณะเราก็เป็นไข้หวัดกันหลายคนแล้ว

พฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน 2555 (ลุมพินี - สาวัตถี)

ฟังไม่กี่คำ  ก็คิดว่ารู้ได้  ประมาทมาก !

ออกจากเนปาล ก็มาแวะที่วัดไทย 960 หรือ วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 ปีนี้วัดสวยร่มรื่นขึ้นเยอะ เข้าห้องน้ำสะอาด ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ และทานโรตี อารีดอย เป็นโรตีที่ทอดเสร็จปั๊บ ใส่กระทงปุ๊บ เทนมข้นหวานแล้วทานทันที จะอารีดอย ทางวัดมีร้านให้แวะช้อปปิ้งและมีซุ้มยา ข้าพเจ้าขอปันยาฟ้าทลายโจรมาทานให้อุ่นใจ จะได้หายสักที

วันนี้น้องเต้ยต่อโทรศัพท์มือถือถึงอาจารย์อรรณพ ที่กำลังสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ ก็เลยได้ฟังสดจากเมืองพาราณสี แต่เสียงชัดบ้างไม่ชัดบ้างตามประสาคลื่นมือถือขณะรถวิ่ง ข้าพเจ้าจึงไม่ได้จดไว้ ช่วงที่ไม่ได้ฟังธรรม กลุ่มท้ายรถเลยคุยกันหน่อย น้องเต้ยถามว่ามีใครได้ยินเสียงเปรตไหม ข้าพเจ้าถามว่าเสียงแหลมๆ เล็กๆ ใช่ไหม น้องเต้ยว่าใช่ ปรากฏว่ามีหลายห้องที่ได้ยิน ห้องหนึ่งคิดว่าเป็นเสียงสัตว์ป่า อีกห้องคิดว่าเสียงกรนหรือเสียงหายใจของเพื่อน ก็เลยนอนต่อ เขาคงไปส่งเสียงร้องให้ได้ยินอยู่หลายห้อง แต่ไม่เจอห้องคนรู้จัก จนถึงห้องข้าพเจ้า ใช่เลย สมหวังไปแล้ว

ถึงนครสาวัตถี  ทานข้าวบ่ายที่โรงแรมปาวัน (Pawan Hotel) ซึ่งดีที่สุดของสาวัตถีในขณะนี้ แล้วไปวัดพระเชตวัน น้องเต้ยต่อมือถือถึง อาจารย์อรรณพ ทำให้เราได้ฟังสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ ที่วัดพระเชตวันด้วย ดีจริงๆ พอจดบันทึกมาได้ดังนี้

ธาตุแต่ละอย่างมีลักษณะเฉพาะ เช่น ธาตุดินมีลักษณะแข็ง ก็มีตั้งแต่แข็งมาก จนถึงแข็งน้อย แต่ก็เป็นลักษณะเฉพาะของแข็ง เด็กเกิดใหม่ มองเห็น แก้วน้ำ โต๊ะ พ่อ แม่ ฯลฯ แต่ไม่รู้อะไร จนเห็นบ่อยๆ อาศัยความคุ้นเคย จึงรู้ว่าเป็นแก้วน้ำ โต๊ะ พ่อ แม่ ฯลฯ สภาพที่จำ ไม่ใช่จิต แต่เป็นสภาพที่เกิดพร้อมจิต ภาษาบาลีเรียกสัญญา

คำไหนที่ได้ยิน อย่างเพิ่งผ่าน ศึกษาให้เข้าใจให้ถูกต้อง

อารมณ์ มาจาก อารัมมณะ คือ สิ่งที่จิตรู้  จิตเป็นธาตุรู้ ก็ต้องมีสิ่งที่รู้คืออารมณ์ อารมณ์ไม่ดี เพราะเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ อารมณ์ดี เพราะเห็นสิ่งที่สวยงาม น่าพอใจ

อารมณ์เมื่อวาน อยู่ที่ไหน ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก อารมณ์เมื่อกี้นี้ อยู่ที่ไหน ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก

ถ้าไม่มีจิตเกิดขึ้นเลย บ้านเมือง เรา เขา ก็ไม่มี เมื่อจิตดับไป จะเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้น ตอนหลับสนิท มีบ้านเมือง เรา เขา หรือไม่ ขณะที่หลับสนิท ไม่มีอะไรเลย บ้านเมือง เรา เขา ทรัพย์สิน ความจริงคือ ทุกสิ่งต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้เลย พระธรรมลึกซึ้ง ไม่ฟังพระธรรม แล้วคิดว่า ก็รู้ได้ หรือ ฟังไม่กี่คำ ก็คิดว่ารู้ได้ ประมาทมาก

นายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือ โลภะ และอวิชชา

มีแขกคนหนึ่งมาขอสตางค์สร้างโรงเรียน บอกว่าพระอริยวังโสเป็นประธานการก่อสร้าง ข้าพเจ้าคิดจะให้ร้อยรูปีส์ แล้วมาคิดว่าอาจหลอกลวงแบบที่แถวๆ บ้านนางสุชาดาที่คยา ก็คิดจะให้สิบรูปีส์ทำทานไป พอเห็นน้องเหน่งให้ร้อยรูปีส์ ข้าพเจ้าก็คิดว่าถ้าเขาเอาไปสร้างโรงเรียนจริง สิบรูปีส์ไม่พอ และข้าพเจ้าไม่ควรทิ้งความตั้งใจเดิม ให้ตามน้องดีกว่า ถือว่าให้เพื่อสร้างโรงเรียน ว่าแล้วก็เปลี่ยนใจให้ไปตามความคิดเดิม เป็นกุศลที่ทำเพราะมีการชักชวนให้ทำตาม จากนั้นเราไปกราบพระมูลคันธกุฎี ถวายผ้าห่มล้อมพระเจดีย์เล็กๆ ข้างหน้า แล้วเวียนเทียน จากนั้นจุดเทียนปักไว้รอบพระมูลคันธกุฎี ข้าพเจ้าได้รับแจกน้ำหอมแบบมีหัวฉีดพ่นได้จากน้องเพียวมาตั้งแต่วันแรกที่เดินทาง สาธุ สำหรับให้พ่นน้ำหอมก่อนแปะทอง เพื่อให้ทองติดง่าย แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้ วันนี้จึงฉีดน้ำหอมนี้รอบพระมูลคันธกุฎี มาได้ครึ่งทางน้ำหอมหมด เพราะกะจังหวะการฉีดน้ำหอมไม่พอดี แต่ก็กดหัวฉีดค้างไว้จนครบรอบ จากนั้นเราไปกราบอานันทโพธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าปลูกมาแต่ครั้งพุทธกาล เพราะวัดพระเชตวันไม่ได้ถูกรุกราน เหมือนอย่างที่พุทธคยา นาลันทา และพาราณสี เราช่วยกันห่มผ้ารอบต้น แล้วจุดเทียนปลอมที่มีแสงสีต่างๆ ดูงดงามในความมืดรอบต้นโพธิ์ น้องวิภาพรบอกว่า งามเหมือนฉัพพรรณรังสี อาจารย์สงบได้ยินจึงพูดว่า คิดได้ยังไง เข้าใจคิด ข้าพเจ้าถวายโคมเทียนที่ไม่มีครอบแก้วเพราะทำแตกไปเรียบร้อยแล้ว ไว้ที่ใกล้ๆ อานันทโพธิ์ จริงๆแล้วข้าพเจ้าตั้งใจถวายไว้ที่พระมูลคันธกุฎี แต่มีพี่ๆน้องๆ ในคณะท่านหนึ่ง คิดว่าข้าพเจ้าลืม ด้วยความหวังดี จึงเก็บมาคืนให้ ข้าพเจ้าซาบซึ้งในเมตตากรุณานั้น ได้แต่ขอบคุณอย่างยิ่ง โดยไม่ได้บอกความจริง เกรงจะเสียน้ำใจ จากนั้นคณะเราเดินทางไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยเชตวัน และได้ร่วมทอดผ้าป่ากับอีกคณะหนึ่งซึ่งมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว สาธุ ก่อนจะกลับที่พัก ไปทานอาหารเย็นแล้วเข้านอน




THAIWARE Dharma | นำข้อมูลบทความออก !  นำข้อมูลออกพิมพ์ !

THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออก โดยการพิมพ์ (Print Article by Printable View)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ MS.Word (Export Article to MS.Word)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ ไฟล์เอกสาร PDF (Export Article to PDF Format Document)
 

THAIWARE Dharma | กลับสู่หน้าแรก ไทยแวร์ธรรมะ
 

 

 

 

  THAIWARE Dharma | ส่งความคิดเห็นจากทางบ้าน !
หัวข้อ เนื้อหา ข้อตกลง
  ความคิดเห็น* :

หมายเหตุ : กรอกรายละเอียดของบทความเข้าไป (ไม่รับ HTML Code) สามารถกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ได้
  ห้ามโพสข้อความ !

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือส่งผลต่อ ความมั่นคงของประเทศ

  ที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือผิดศีลธรรม

  ที่ถือเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

  ที่เป็นความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๑
  ชื่อ / อีเมล์* :

หมายเหตุ : "นาย สมชาย รักธรรม" หรือ "somchai.r@gmail.com"
  รหัสยืนยัน* :

 
ฉันยอมรับข้อตกลงที่กล่าวมา ภายในหน้านี้ ทั้งหมด