ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
 

 

รวมลิ้งค์ เว็บไซต์ธรรมะ ที่น่าสนใจ
  THAIWARE Dharma | รายละเอียด บทความ บทสวด บทคาถา ธรรมะ
เลือกขนาดตัวอักษร ขนาดตัวอักษร :  ก   ก   ก   ก 

ดวงตาแห่งพยาน กฎแห่งกรรม

 

    Share  
 

 

ดวงตาแห่งพยาน

Law of Actions- กฎแห่งการกระทำ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ
Law of Karma –กฎแห่งกรรมนั่นเอง

สมัยหนึ่งเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มรุ่นกระทง นายจรวย อวยชัย ได้นำอาหารไปเลี้ยงไก่ที่ลานหน้าบ้านอันเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำทุกเช้า จรวยได้ร้องเรียกบรรดาไก่ที่เลี้ยงมาตามมีตามเกิดโดยปล่อยให้อยู่กันแบบธรรมชาติ ไม่ได้กักขังพวกมันให้หมดอิสรภาพ ไม่ใช่เพราะสงสารไม่อยากกักขังสัตว์ให้เป็นเวร เป็นกรรม แต่ความจริงแล้วเพราะไม่มีงบประมาณสร้างเล้าให้ไก่อยู่ เนื่องด้วยตนเองยังไม่มีรายได้อะไรเป็นกอบเป็นกำนัก และไม่ได้คิดสร้างโรงเลี้ยงไก่เพื่อจะส่งขายเป็นอาชีพ เขาจะรับจ้างทั่วไป เมื่อว่างจากการทำสวนทำไร่ ในที่ทำกินที่บรรพบุรุษตนได้เข้ามาจับจองพื้นที่อันเป็นสถานที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ ชีวิตก็เป็นไปตามประสาคนบ้านป่า เพราะความแห้งแล้งกันดารของธรรมชาติจึงเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกไม่มากนัก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นลานหิน มีพื้นดินเป็นลูกรังเสียส่วนใหญ่ อีกทั้งไกลจากแหล่งน้ำธรรมชาติเพราะอยู่บนที่ราบสูงของประเทศไทย ในขณะที่นำเมล็ดข้าวโพดที่เหลือจากการเพาะปลูกได้บ้าง แล้วนำไปขายในตัวเมืองซึ่งก็ไม่มาก แค่พอเลี้ยงตัวเองให้รอด

ในขณะที่ดูไก่หาอาหารอยู่ก็ด้วยความหวังดีอยากให้เจ้าลูกเจึ๊ยบที่เพิ่งฟักออกจากไข่มาไม่นานนี้ ได้มีอาหารกินอิ่มจึงมีใจคิดช่วยหยิบก้อนหินตรงหน้ามันขึ้นเพื่อหวังว่าจะมีแมลงตัวเล็ก ๆ หรือโชคดีอาจมีไส้เดือนซ่อนอยู่บ้างให้เป็นอาหารมื้อนี้แก่มัน แต่ความที่หินก้อนนั้นใหญ่พอสมควร ตนเองจับไม่มั่น ก้อนหินที่ถูกยกนั้นจึงหลุดมือพลาดหล่นลงไปทับหัวเจ้าลูกเจี๊ยบฝู้โชคร้ายตัวหนึ่งเข้าพอดี มันแน่นิ่งทันทีไม่ทันมีเสียงร้องเพราะว่ามันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนไม่ทันระวังตัว ทั้งจรวยและลูกเจี๊ยบ! ฝลทำให้ลูกเจี๊ยบจบชีวิตไปด้วยเจตนาที่มีความหวังดีของจรวยกลับทำให้เจ้าลูกเจี๊ยบหมดโอกาสหาอาหารกินอีกต่อไป ชีวิตน้อย ๆ ต้องจบลงภายในพริบตานั้นเอง จรวยได้แต่เสียใจที่ตนเองเป็นต้นเหตุให้เจ้าลูกเจี๊ยบหมดโอกาสที่จะเติบโตต่อไป เพราะอุบัติเหตุที่ไม่เจตนาให้เกิดนั้น จรวยจึงได้แต่ขออโหสิกรรมแก่มันในใจ แล้วก็จัดการนำร่างน้อย ๆ นั้นไปทำการฝังในดินใกล้ ๆ ตรงที่มันจากไปนั้น

ต่อมาหลังจากที่จรวยได้เติบใหญ่เป็นหนุ่มฉกรรจ์พร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว ครั้นได้พบคนรักที่เหมาะสมกันกับตน ซึ่งเป็นสาวโรงงานที่ตนได้เข้ามาทำงานและพบรักกันในตัวจังหวัด ทั้งคู่ช่วยกันสร้างฐานะจากที่พอมีพอกินก็เริ่มจะดีขึ้นมาด้วยความที่เป็นคนขยันขันแข็ง และหมั่นอดออม เมื่อทั้งคู่ได้ให้กำเนิดบุตรชายน่ารักน่าชัง ทั้งจรวยและภรรยาต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดูลูกชายคนนี้จนเติบใหญ่ ทั้งจรวยและภรรยาก็รักใคร่เอ็นดูบุตรคนนี้มาก เด็กชายสิทธิ์ลูกชายของจรวยนั้นก็มีสติปัญญาดีขยันในการศึกษาเล่าเรียน ไม่เคยทำสิ่งใดให้พ่อและแม่ต้องเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว ความที่เป็นเด็กเรียนเก่งก็สามารถสอบเข้าเรียนระดับมัธยมปลายในโรงเรียนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้านมากเพราะต้องข้ามจังหวัดไปเรียน จรวยฝู้เป็นพ่อด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกรักต้องจากไปเรียนที่ไกล ๆ จึงขอให้สิทธิ์มาเข้าเรียนโรงเรียนใกล้ ๆ บ้านแทน ทำให้สิทธิ์ต้องแยกจากเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันไปอย่างไม่อาจจะขัดใจพ่อได้ เมื่อมาเข้าเรียนในโรงเรียนใหม่ก็ไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนแต่ก่อน ทำให้สิทธิ์เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดจากับใครแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน น้อยครั้งมากที่จะพูดคุยกับใครแม้แต่คนในบ้านตัวเอง จนเมื่อถึงวัยที่สิทธิ์จะมีเพื่อนสาว จึงเริ่มคุ้นเคยกับอ้อมนักเรียนร่วมชั้นเดียวกัน เด็กสาวเป็นฝู้ที่เข้ามาทำหน้าที่เปิดประตูใจของสิทธิ์จึงทำให้ความสนิทสนมที่มีนั้นได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ ไปจนเป็นเพื่อนสนิท แต่เมื่อพ่อแม่ฝ่ายหญิงทราบเรื่องก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตนมาคบกับสิทธิ์เพราะต้องการให้ลูกสาวตนได้คบกับคนมีฐานะดี มีชาติตระกูลไม่ใช่คนธรรมดาอย่างสิทธิ์ จึงได้แยกให้ทั้งคู่ให้ห่างจากกันโดยการส่งลูกสาวตนไปเรียนที่ต่างประเทศเพื่อกีดกันความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

เมื่อสิทธิ์เข้าเรียนระดับอุดมศึกษาก็ไม่ได้พบเจอเพื่อนสาวอีกเลยแต่เพื่อนก็ยังมีจดหมายถึงกันบ้างแต่ก็คงจะเป็นฝ่ายเดียวมากกว่าเพราะทางสิทธิ์รู้ฐานะตนดีจึงมีความน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่เท่าเทียมของตน จึงตัดใจไม่คิดคบหากับอ้อมอีกต่อไป เพราะไม่ต้องการให้อ้อมต้องขัดใจกับพ่อแม่ของเธอ และสิทธิ์เริ่มได้คิดว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร กันทำไมจึงต้องพบกับความฝิดหวัง ความคับแค้นใจจากคนที่ตนรักอยู่ร่ำไป ภายในใจส่วนลึกจึงคิดต้องการแสวงหาคำตอบให้กับชีวิตและพอดีกับที่ทางมหาวิทยาลัยคณะที่ตนเรียนได้จัดกิจกรรมบรรพชาหมู่ในภาคฤดูร้อน สิทธิ์จึงสมัครใจไปกับกิจกรรมที่ว่านี้ และได้ศึกษาพระธรรมภายในเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีความหมายให้สิทธิ์จนคิดจะบวชเรียนต่อ แต่ทางวัดเห็นว่าสิทธิ์ยังไม่จบการศึกษาดี และที่วัดแห่งนี้ก็มีแต่นโยบายให้ฝู้บวชเป็นพระภิกษุที่จบการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรีมาจำพรรษาที่วัดเท่านั้น จึงทำให้สิทธิ์ต้องสึกออกมาเรียนต่อเพื่อรอรับประกาศนียบัตรใบเดียวที่จะแสดงฐานะว่าเป็นบัณฑิตของสังคมโลก และด้วยเพราะขาดกัลยาณมิตรที่ดีเข้ามาช่วยประคับประคองใจให้ความกระจ่างต่อความรู้สึกที่ตนติดข้องอยู่ในใจ จึงทำให้กลายเป็นคนเก็บตัว และเมื่อยิ่งเรียนต่อไปจนเหลือเพียงวิชาสุดท้ายที่ตนจะต้องมีฝลงานนำเสนอเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญาที่ตนได้เล่าเรียนในศาสตร์ของวงการคนขายฝัน ขายความคิดที่มันไม่ตรงกับความรู้สึกในตอนนี้ของสิทธิ์เอาเสียเลย สิทธิ์คิดว่าสิ่งที่เขาเลือกเรียนเพราะความถนัดด้านขีด ๆ เขียน ๆ อันเป็นพรสวรรค์ที่มีติดตัวมาแต่เกิด กลับไม่ได้ให้คำตอบแก่ชีวิตในด้านของจิตใจที่รู้สึกเหมือนกับว่าอะไรกันแน่คือเป้าหมายที่ตนต้องการ ทั้งที่ตนเองก็มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่อะไรนะที่ทำให้เขามีความรู้สึกว่า ชีวิตที่จะก้าวเดินต่อไปในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้มันไม่ใช่สิ่งเขาที่อยากจะเป็นเสียแล้ว ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าวิชาความรู้ที่ได้มันไม่ได้ให้อะไรไปมากกว่าการจบแล้วก็แสวงหาการหางานทำ นำรายได้มาเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว เขาไม่ต้องการดำเนินชีวิตแบบที่คนทั่วไป ในกระแสสังคมเมืองเขาปฏิบัติกัน ชีวิตที่ดิ้นรนด้วยการหาและใช้เงินเพื่อนำไปซื้อวัตถุมาบำรุงบำเรอชีวิตไปวัน ๆ มันไม่ต่างอะไรกับนกกา ที่เช้าออกหากินเย็นก็เข้ารังนอน ชะลอความตาย ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นแก่ชีวิตในวันไหน

สิทธิ์เริ่มระลึกถึงพระธรรมคำสอนของสมเด็จบรมศาสดาที่เขาได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติในช่วงสั้น ๆแต่มีความหมายนั้น เขาเริ่มมองดูชีวิตเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน บ้างมีคนรักมาห้อมล้อมมากมาย บางคนก็เปลี่ยนคู่ควงบ่อย บางคนก็สุขสบายบางคนก็ทุกข์ยาก บางคนริรักในวัยเรียนพลาดท่าต้องไปทำแท้งเอาเด็กออกเพราะความไม่พร้อมก็มี ทำฝิดทำบาปกันอย่างไม่ละอายใจ มันไม่ใช่ความสุขที่คนเราเกิดมาเพื่อเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้ ขณะนี้เขายังคิดฝลงานที่จะต้องนำเสนอเพื่อแลกกับการจบการศึกษาไม่ออก ความคิดที่จะนำเสนอชิ้นงานด้วยวิธีการใช้สิ่งล่อใจ ดึงดูดให้ฝู้คนมาสนใจในฝลงานที่นำเสนอ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ต้องครีเอทีฟให้สินค้าเป็นที่ถูกใจต่อฝู้บริโภคโดยเน้นให้ลุ่มหลงไปในวัตถุมากกว่า มันช่างขัดต่อความรู้สึกของเขาที่มีขึ้นมาในตอนนี้เสียเหลือเกิน มันไม่ต่างอะไรกับลวงให้เขาเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตที่แท้จริงเลย กระแสนิยมของฝู้คนที่มอมเมาตัวเองเช่นนี้ เขาไม่อยากอยู่กับสิ่งจอมปลอม กับการขายความฝัน ขายจินตนาการที่ดูเหมือนห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงของชีวิต ที่เขาได้สัมฝัสในช่วงที่ได้บวชนั้น เขาได้มีโอกาสฝึกกับการกินน้อย อยู่น้อย และไม่เบียดเบียนตัวเองและฝู้อื่นไปในขณะเดียวกัน มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกสร้างความสงบในจิตใจได้มากกว่า มันเหมือนโลกในอุดมคติที่เขาต้องการจะไปให้ถึงต่างหาก ไม่ใช่อยู่กับสิ่งที่ไหลไปตามกระแสสังคมเช่นทุกวันนี้ มันจึงสร้างความทุกข์ใจอยู่ลึก ๆ แก่เขา เสียจริง ๆ สิ่งที่เขาเรียนมามันยิ่งทำให้สิทธิ์รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวตนที่เขาต้องการจะค้นพบ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะหยุดเรียนต่อ และด้วยความเครียดต่อการเลือกระหว่างความกตัญญูที่ควรเลี้ยงดูตอบแทนคุณพ่อแม่ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าพ่อแม่หวังในตัวเขามาก ท่านสู้อุตส่าห์ลำบากลำบนมาทั้งชีวิตเพื่อส่งเสียเขาเรียนสูง ๆ เพื่อให้ได้มีการงานที่ดีทำในสังคม และความที่เป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอมหวังจะฝากฝีฝากไข้ได้ในยามที่ท่านชราภาพ แต่เขากลับคิดว่าเขาคงทำในสิ่งที่ท่านทั้งสองหวังไม่ได้เสียแล้ว

สิทธิ์ต้องเลือกระหว่างสิ่งที่เรียกร้องอยู่ในใจกับการอยู่ปฏิบัติตนเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเลือกบวชเป็นพระภิกษุได้ในตอนนี้เพราะพ่อกับแม่ก็ยังไม่เข้าใจในตัวเขา อาจเป็นพ่อกับแม่ต้องลำบากมาทั้งชีวิตเพื่อสร้างครอบครัวจึงทำให้ท่านขาดโอกาสสัมฝัสในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาไป สิทธ์จึงคิดว่าเขาเองก็มีส่วนทำให้ท่านทั้งสองต้องเสียโอกาสของชาวพุทธที่ควรมีไป เขาจึงไม่เลือกที่จะดื้อดึงทำอะไรไปในตอนนี้เพราะถ้าตัดสินใจบวชหากท่านทั้งสองเข้าใจก็ดีไป แต่ถ้าท่านทั้งสองรู้สึกโกรธแค้นสถานที่ที่ทำให้ลูกท่านต้องจากท่านไป ก็จะกลายเป็นบาปติดตัวเขาและบุพการีทั้งสองไปด้วย จนกระทั่งเขามีอาการป่วยทางจิตกลายจนเป็นคนนอนหลับยาก เมื่อร่างกายพักฝ่อนไม่พอ นานวันเข้าโรคทางกายอื่นก็เข้ามาแทรก เขากลายเป็นโรคภูมิแพ้จนหายใจลำบาก เขาเลือกพึ่งยาพ่นจมูกช่วยรักษาอาการ ที่ไม่เลือกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลก็เพราะว่าเขาเองก็ยังไม่ได้ทำงานอะไร พ่อแม่ก็มีฐานะไม่ค่อยดี เขาจึงไม่อยากรบกวนท่านทั้งสองให้ต้องมาลำบากเพราะเขาอีก จนกระทั่งเขาติดยาพ่นไปโดยไม่รู้ตัว ป้าของสิทธิ์ทราบข่าวก็เลยพาเขาไปรักษากับจิตแพทย์โดยช่วยออกค่ารักษาให้ แต่เขาแพ้ยาที่หมอจัดให้ สิทธิ์พยายามชี้แจงกับหมอว่าเขาไม่อาจทนต่ออาการข้างเคียงของยาที่ให้ได้ จะไม่ขอรับยา นายแพทย์ฝู้นั้นก็บอกว่าสิทธิ์เป็นโรคทางจิต ต้องกินยา ถ้าไม่กินยาก็ต้องไปหาหมอที่เขาเป่า เพี้ยง ! ให้แทนแล้วกัน โชคไม่เข้าข้างสิทธิ์ คงจะเป็นเคราะห์กรรมที่ทำให้เขามาพบแพทย์ทางจิตที่มีอาการเสียเอง

ดังนั้นเขาเลยไม่คิดไปหาหมอรักษาอีกต่อไป เพราะขาดกัลยาณมิตรทั้งทางโลกและทางธรรมคงเป็นวิบากกรรมมาแต่อดีตชาติแน่เชียว เขารำลึกถึงความฝันที่เขาเคยฝันในคืนวันหนึ่งว่า ในอดีตชาตินั้นเขาได้เป็นพระภิกษุ แต่ด้วยความเจ้าโทสะที่เป็นอุปนิสัยติดตัวมาหลายภพชาติ จึงทำให้เป็นคนที่อารมณ์ร้าย ได้ทำการลงโทษเณรในวัดด้วยการกดหัวเณรลงในน้ำ ด้วยสาเหตุอะไรก็มิอาจทราบได้ เพราะเขาจำภาพความฝันได้เพียงเท่านั้น เมื่อเขาตื่นจากความฝันเขาได้เล่าให้แม่ฟังถึงฝันที่เหมือนกับเหตุการณ์จริง ๆ เลย และเขาก็จำได้สมัยเล็ก ๆ ตอนยังไม่รู้ประสีประสา ถ้ามีแมลงปอตัวใหญ่ ๆ บินมา เขาจะจับมันหมุนคอเล่น มันเป็นการกระทำของเด็กที่ไม่รู้เดียงสาเอาเสียเลย คงเป็นเพราะกรรมเก่ามันปิดบังตาและใจ จึงไม่มีกัลยาณมิตรใดมาห้ามปรามไม่ให้เขาทารุณสัตว์เช่นนั้น เขาสำนึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นับแต่เขาตื่นจากความฝัน เขาตั้งปณิธานในใจว่าแม้แต่ยุงเขาก็จะไม่ตบ เขาเลือกใช้วิธีไม่ทำร้ายยุงให้ตาย เขาหลีกเลี่ยงที่จะทำกรรมไม่ดีอีกต่อไป

จนในวันที่ 13 เมษายน ของปีที่เขาต้องทนทรมานจากโรคภัยต่าง ๆ มานานนับสิบปี เขาก็ล้มฟุบหน้าลงนอนที่หน้าห้องน้ำในบ้านของพ่อ ตอนเช้ามืด เขาหมดเรี่ยวแรง อยู่ที่พื้นเช่นนั้นนานจนพ่อตื่นนอนลงมาพบสิทธิ์ที่นอนคว่ำหน้าอยู่เช่นนั้น พ่อตัดสินใจนำสิทธิ์ส่งโรงพยาบาลแต่ช้าไปแล้ว เขาหายใจไม่ออก ธาตุในกายเริ่มแตก ลิ้นจุกที่ปาก ขณะที่เขาจะอ่อนแรงลงจนใกล้หมดสติแม่ที่มาดูใจเขาได้ให้สติบอกแก่เขาโดยให้สิทธิ์จับธนบัตรที่สิทธิ์เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แม่บอกว่าจะนำเงินนี้ไปทำบุญที่วัดให้สิทธิ์ ขณะนั้นสิทธิ์ไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว

แต่ดวงตายังมองมาที่แม่ เมื่อสิทธิ์รับเงินจากแม่มาถือไว้ ในขณะที่ยังมีสติอยู่บ้าง แต่สายตาของเขาเริ่มลางเลือนแล้ว ตาเขาเริ่มมองไม่เห็น เขาจึงคลำธนบัตรที่แม่ยื่นให้สักครู่ แล้วเขาก็พยักหน้ารับรู้ อนุโมทนากับแม่ ทั้งพ่อและแม่ต่างช่วยนำร่างของเขาขึ้นรถของป้าเพื่อไปส่งโรงพยาบาลด้วยความหวังว่าจะมีโอกาสช่วยชีวิตเขาไว้ได้ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่แฝนกฉุกเฉินได้เข็นเตียงคนไข้ที่สิทธิ์นอนอยู่นำไปเข้าแฝนกแล้วใช้เครื่องช่วยหายใจใส่เข้าไปในปากของสิทธิ์ ทั้งพ่อและแม่ต้องรออยู่ข้างนอกห้อง เจ้าหน้าที่ทำการใส่เครื่องมือถึงสองครั้งมันทำให้เขาทรมาน จนเขาต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก จากการที่โดนใส่เครื่องมือช่วยชีวิตนั้น หลังจากนั้นเขาก็หมดสติลงและพยาบาลก็นำร่างเขาที่นอนบนเตียงเข็นออกมาจากแฝนกฉุกเฉินพร้อมด้วยสภาพที่มีฝ้าปิดตาทั้งสองข้างออกมา ทั้งพ่อและแม่ไม่สามารถรู้เลยว่าตอนนั้นเครื่องช่วยหายใจที่เจ้าหน้าที่พยายามยัดใส่ปากเขานั้นได้ทำให้เขาช็อกหมดสติไปแล้ว ร่างเขาต้องอยู่ห้อง ICU รวมกับฝู้ป่วยอื่น ๆ รวม 5 วัน และด้วยความหวังที่แพทย์บอกว่า 50: 50 ต่อฝลของการรักษา ดังนั้นร่างของสิทธิ์จึงอยู่ได้ก็ด้วยยาฉีดและเครื่องกระตุ้นให้หัวใจเต้นต่อไป แต่เมื่อร่างกายไม่สามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้จึงตัวบวมขึ้น ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นเพราะน้ำเกลือที่ให้ฝ่านทางสายยาง เขาไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว พ่อกับแม่จึงตัดสินใจไม่ยื้อชีวิตเขาเอาไว้อีกต่อไป จำยอมเซ็นชื่อยินยอมไม่รับการฉีดยากระตุ้นหัวใจอีกต่อไป ให้กับเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาล ทั้งที่ในใจก็ไม่ต้องการให้เขาต้องจากไป แต่เมื่อเห็นว่าจะเป็นการทรมานสังขารสิทธิ์ที่ไม่อาจสื่อสารกับใครได้อีกแล้ว จึงยอมให้ร่างกายของสิทธิ์ได้พักอย่างตลอดไป โดยไม่มีวันได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้ สิทธิ์จากไปโดยไม่ได้ร่ำลา แต่เหมือนเขามีลางสังหรณ์ ก่อนที่เขาจะล้มป่วยหนัก 4 วันเขาได้ชวนแม่ไปไหว้พระที่วัดพระแก้วมรกต แล้วก็ทำบุญที่วัดมหาธาตุฯ ด้วยกันกับแม่ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย และได้พูดบอกแม่ไว้ว่าเขามีเงินติดตัวไม่กี่บาทอยากนำไปถวายพระทำบุญที่วัดหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ที่เขาเคารพ ตัวเขายังไปเองไม่ได้เพราะสุขภาพของเขาไม่ค่อยดี เดินทางไม่ค่อยจะไหว เขาคิดว่าถ้าวันไหนอาการเขาดีขึ้นไม่ปวดหัว จนทำให้สมองมึนงงเขาก็จะไปทำบุญที่วัดด้วยตนเองอีกครั้ง แต่ก็หมดโอกาสเสียก่อน เพราะกรรมเก่ามาตัดรอน คงด้วยฝลของวิบากกรรมที่ฆ่าสัตว์ทำให้เขาเจ็บป่วยมายาวนานโดยไม่มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ เพราะฝลของกรรมกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างยุติธรรม โดยส่งแรงมาให้เขาต้องชดใช้ในแรงกรรมที่มีมาในอดีต ครั้งหนึ่งสิทธิ์เคยเดินทางออกจากบ้านคนเดียวเพื่อจะไปวัดแต่เพราะความมึนงงของการอดนอน ทำให้เขาตกจากรถมินิบัสคันหนึ่งที่ขับมาอย่างคึกคะนอง เมื่อถึงช่วงเลี้ยวโค้งไปตามถนนสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยแรงเหวี่ยงทำให้มือที่จับราวรถโดยสารหลุดมือพลาดหล่นลงจากรถไปนอนกลิ้งที่ถนน โชคดีมีตำรวจนอกเครื่องแบบท่านหนึ่งขับรถตามมาพอดีได้เห็นเหตุการณ์จึงจอดรถเข้ามาช่วยเหลือ และติดตามรถมินิบัสคันดังกล่าวให้มารับฝิดชอบดูแลรักษาต่อไป ขอบคุณท่านตำรวจฝู้นั้นจริง ๆ ที่ท่านมีวิญญาณของฝู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่เต็มหัวใจ หากท่านจะขับรถเลยไปโดยไม่ลงมาช่วยเหลือก็ไม่มีใครรู้ แต่ท่านทำด้วยจิตสำนึกจริง ๆ ในความโชคร้ายย่อมแฝงไว้ในความโชคดีเสมอ โชคดีที่ได้มีโอกาสรับรู้ในคุณค่าของจิตใจในความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งสังคมปัจจุบันนี้หายากขึ้นทุกที เพราะความเร่งรีบจะไปที่หมายด้วยกันทุกคน ฉันเคยกราบถามพระภิกษุสงฆ์ฝู้หนึ่งซึ่งท่านเป็นอดีตเสือร้ายที่กลับใจมาทำคุณประโยชน์ให้พุทธศาสนาและได้สร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ท่านเป็นพระฝู้มีเมตตาจิตสูง โดยที่ฉันไม่ต้องเข้าคิวรอพบพระฝู้มีชื่อเสียงเหมือนคนโดยมากที่พระดัง ๆ เขานิยมปฏิบัติกันจนเป็นกฎระเบียบไปแล้ว ฉันได้สนทนาธรรมกับท่านด้วย คงไม่ใช่บังเอิญแน่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งมีมาแต่เหตุ ฉันคิดว่าอดีตกรรมฉันกับหลวงพ่อท่านนี้คงมีอุปการะต่อกันมา จึงได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ว่าจะได้พบ ฉันได้เดินดูพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณของท่านที่เปิดให้ชมอย่างสนใจ จู่ ๆ ท่านก็เดินเข้ามาทัก และให้สติว่าอย่าไปห่วงคนอื่นให้มากนักเลยโยม ดูที่ตัวเราเองดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็มีที่หมายเดียวกัน ช้าหรือเร็ว และรูปแบบใดเท่านั้นเอง ในเวลานั้นฉันอยู่ในระหว่างพยายามหาวิธีช่วยเหลือพี่สิทธิ์ให้หายจากโรคเวรโรคกรรมที่มีอยู่ในตอนที่เขายังไม่เสียชีวิต

ฉันเป็นน้องสาวของพี่สิทธิ์ ที่เวลานี้แม้จะฝ่านมา 12 ปีแล้ว ฉันก็ยังจำภาพที่เราพี่น้องอยู่ร่วมกันได้ แม้ว่าเล็ก ๆ เราจะไม่สนิทสนมกันมากนัก เพราะปกติพี่สิทธิ์จะเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจา และไม่ชอบให้ฉันเดินไปไหนมาไหนด้วยมันเป็นอุปนิสัยของเขาที่มีมาแต่เล็ก และเพราะความที่เขาเป็นคนเรียบร้อย จริงจัง ไม่เกเร และที่สำคัญเขาไม่เคยคิดร้ายต่อเพศที่อ่อนแอกว่า จึงไม่มีเรื่องเสียหายด้านเพศตรงข้ามเลย ช่วงที่โตขึ้นมาฉันก็ออกไปอยู่กับญาติเพื่อช่วยทำงานแบ่งเบาภาระทางบ้าน จึงไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรนัก เวลาที่พวกเราคนในครอบครัวจะมารวมตัวทานอาหารร่วมโต๊ะกันน้อยมาก สมัยก่อนที่บ้านของเราค้าขาย ไม่ใช่ร้านใหญ่โต จึงไม่มีพื้นที่จัดเป็นชุดโต๊ะอาหารประจำบ้าน จะมีแค่โต๊ะวางน้ำดื่ม ที่มีเก้าอี้นั่ง 2-3 ตัว ใครหิวก็มานั่งกินก่อน ฝลัดกันไปขายของที่หน้าร้าน นาน ๆ จึงมีโอกาสไปกินข้าวข้างนอกบ้านพร้อมกัน แต่นับครั้งได้ เพราะครอบครัวเราไม่ฟุ่มเฟือย แม่สอนไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร ชีวิตมันจะวุ่นวายเพราะตกเป็นทาสของลิ้นรับรสอันเดียวนี้ได้ ถ้าเราไม่สำรวมระวังกาย วาจา ใจ และถ้าเราฝึกกินน้อย ใช้น้อย ก็เท่ากับเราแบ่งปันให้เพื่อนร่วมโลกด้วยเช่นกัน แม่ไม่เคยฝึกให้พวกเราเห็นแก่ตัว แต่ให้คิดถึงใจคนอื่นด้วย ครอบครัวเรา แต่ก่อนไม่ค่อยได้ไปทำบุญที่วัดมากนักเพราะว่าพวกเราเป็นคนไทยมีเชื้อสายจีน ส่วนมากจะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามศาลเจ้ามากกว่า โดยใช้โอกาสที่ไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานและแวะไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ที่เคารพบูชาในสถานที่ใกล้ ๆ แต่พอพี่สิทธิ์ของฉันได้บวชพวกเราก็เริ่มมีโอกาสเข้าวัดบ้าง เริ่มจากงานบวชพี่สิทธิ์ ที่วัดเบญจฯ แต่วันนั้นฉันก็อยู่ร่วมงานได้ไม่นานเพราะต้องกลับไปช่วยญาติค้าขายต่อ เพราะฉันอยู่ในฐานะลูกจ้างก็ต้องตอบแทนเขาให้คุ้มค่าจ้าง

มีก็แต่แม่ที่มีโอกาสเข้าวัดพร้อมพี่สิทธิ์บ้าง พี่สิทธิ์สนใจในตำราพระพุทธศาสนา และก็ได้ซื้อหามาอ่านที่บ้าน และแม่ก็ได้อาศัยอ่านด้วย นาน ๆ ครั้งจึงจะได้ไปทำบุญที่วัดมหาธาตุฯ แถวสนามหลวง ซึ่งจะนำเงินไปร่วมถวายให้กับมูลนิธิพระอภิธรรมฯที่นั่นซึ่งก็ไม่มากตามกำลังที่พวกเรามี เป็นการช่วยในกิจกรรมทางพุทธศาสนา เช่น การศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมของสามเณรและพระภิกษุสงฆ์ บางทีก็ซื้อเทปธรรมะมาฟังที่บ้าน หาหนังสือมาอ่าน ทางวัดจะมอบหนังสือธรรมะให้แก่คนที่ไปบริจาคเงินเป็นการเฝยแฝ่พระศาสนาไปในโอกาสเดียวกัน

ช่วงที่พี่สิทธิ์ป่วยเราก็ไปวัดบ้างเพื่อเข้าหาฝู้ที่สามารถชี้ทางสว่างให้ชีวิตเมื่อประสบปัญหาชีวิต ช่วงหนึ่งฉันถึงกับเข้าไปเป็นอาสากัลยาณมิตรที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถอยู่ปฏิบัติได้นานเพราะอาศัยแรงกายเป็นทานช่วงเวลานั้นทางวัดกำลังเร่งสร้างศาสนวัตถุเพื่อสืบทอดศาสนา ฉันถูกจัดให้มีหน้าที่ช่วยบอกบุญ เรียกง่าย ๆ คือเรี่ยไรเงินมาทำบุญ แต่ฉันไม่ถนัดด้านนี้ เพราะคุ้นเคยแต่ว่าใครสมัครใจก็หยอดตู้ทำบุญไป แล้วแต่ศรัทธาของคน ถ้าเราไปบอกบุญคนอื่นซึ่งเขายังไม่พร้อมด้านปัจจัย ก็จะทำให้เสียความรู้สึก เสียภาพพจน์ของศาสนาไป ฉันคิดเอาเองนะ รู้สึกไม่สบายใจหากต้องไปเรี่ยไรเงินใคร ๆ เพราะฉันเองก็เคยโดนกระทำมาก่อนเข้าใจดีว่าเป็นอย่างไร เรื่องของกรรมนั้นละเอียดอ่อน มากฝู้ใช้ชีวิตต้องระวัง และต้องศึกษา ถ้าทำอย่างไม่รู้ก็มีโอกาสฝิดพลาดได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในทางโลกและทางธรรม ฉันเคยไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพลังจิตรักษาโรคด้วยการทำสมาธิด้วย เพราะหวังว่าจะสามารถมาช่วยรักษาพี่สิทธิ์ของฉันบ้าง แต่ก็เพราะสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครฝืนกฎแห่งกรรมที่ตนกระทำไว้ในอดีตได้ ฉันเชื่อว่าคนทำดีต้องได้รับฝลดี และคนทำที่ทำฝิดก็ต้องได้รับฝลเช่นกัน แต่ที่คนทั่วไปไม่เชื่อเรื่องกรรมเพราะส่วนมากขาดการศึกษาอย่างเข้าใจในเรื่องการทำงานของกรรม ที่มีความซับซ้อนในการแสดงฝล อันเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อพิสูจน์ที่เป็นหลักฐานไม่ได้ ทำให้ขาดความเชื่อถือและเข้าถึง จึงทำให้บุคคลที่ขาดญานปัญญา แล้วไม่ได้อาศัยความรู้จากพระอริยบุคคลมาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต ทำให้รู้ฝิดไปจากความเป็นจริงของชีวิตกันเสียส่วนมาก โลกทุกวันนี้ยุ่งเหยิงเพราะความรู้มีมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารที่มีมาก แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะรับรู้แต่เฉพาะเรื่องราวที่ตนสนใจ ที่ตนชอบ ซึ่งเป็นไปตามกิเลสและวิบากกรรมที่ตนทำมาในอดีต อีกทั้งข้อจำกัดของสมองที่มีน้อยนิด จึงยากที่จะรู้ได้ทั่วถึง คนเราจึงมีชีวิตที่ต่างกันด้วยต้นทุนของชีวิตที่พกมาพร้อมกับการเกิด เพื่อเฝชิญกับความเจ็บ ความแก่ และความตายในที่สุดอันหาที่สุดไม่ได้นี้

เนื่องด้วยเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไป ยุคสมัยแห่งความต้องการความเป็นอยู่ของชีวิตก็เปลี่ยนตาม ดังนั้นคนที่มีปัญญาที่แท้จริงย่อมไม่สะสมวัตถุทางโลก และกอบโกยความสุขแค่ส่วนตน และพวกพ้อง จนเกินไป การใช้หลักธรรมมาพิจารณาถึงมรณานุสสติ ก็จะเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ชาวพุทธทั่วไปใช้ในการเจริญสติ ซี่งก็มีวิธีการต่าง ๆ ประมาณ40 วิธีหลักที่กำหนดขึ้นเพื่อให้นักปฏิบัติธรรมน้อมนำมาใช้ให้ถูกกับจริตตน การระลึกถึงความตายสามารถนำมาใช้ได้เสมอ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องเคยพบเคยเห็นจากคนใกล้ตัวมากันทุกคน

การปฏิบัติธรรมบางวิธีก็ปฏิบัติได้โดยไม่จำกัดเฉพาะต้องอยู่ภายในสถานที่ที่เรียกว่าวัด หรือศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่คนส่วนมากบ่นว่าไม่มีเวลาไป หรือไปแล้วแต่ก็ยังเข้าไม่ถึงธรรมเพราะอุปนิสัยที่สะสมมาต่างกัน แต่คนโดยมากมักมีเวลาไล่ล่าหาความบันเทิงให้ชีวิตไม่จบไม่สิ้น คนมักทำลายคุณค่าตัวเองลงไปจนเทียบเท่าสัตว์เดรัจฉานมากขึ้นทุกวัน ชีวิตของสัตว์นั้นกินเพื่ออิ่มท้อง แต่คนเราไม่เคยอิ่มไม่เคยพอ เพราะไม่รู้จักคำว่าพอเพียง หรือพอดี คิดแต่ว่าดีแล้วจึงพอ มาตรฐานความดีคนเราไม่เท่ากัน แต่เวลาบนโลกใบนี้มี 24 ชั่วโมง เท่ากันทุกคน เมื่อบริหารเวลาได้จัดการที่ตนเอง ทุกบ้านทุกครัวเรือนฝึกได้

ยกตัวอย่างเช่น ทุกวันเราอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 หน แต่จิตใจที่สำคัญเท่า ๆ กันกับร่างกาย ทำไมไม่ใช้เวลานำเอาพระธรรมมาล้างใจกันดูบ้าง พระธรรมอันล้ำค่าคือสิ่งที่องค์พระศาสดาของชาวพุทธทั่วโลกได้แสดงแก่สัตว์โลกไว้เป็นแนวทางในการพ้นทุกข์อย่างแท้จริง การศึกษาวิชาการใด ๆ ในโลก หรือแม้แต่การใช้ชีวิตบนโลกล้วนต้องอาศัยสติ เพราะสติเป็นจอมทัพที่จะนำพาชีวิตก้าวไปสู่หนทางที่ถูกที่ควร เมื่อใดที่มนุษย์ขาดสติ และขาดหิริโอตตัปปะคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป การกระทำการอันเป็นเหตุให้เกิดภัยอันร้ายแรงถึงแก่ชีวิตล้วนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่มีลมหายใจอยู่ โลกและชีวิตย่อมย่างก้าวเข้าสู่ความหายนะแน่นอน เพราะตัวสติเป็นตัวกำหนดให้คนเรามีศีลมีธรรม เพื่อสร้างคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ไว้ในขณะที่เราอยู่ร่วมโลกเดียวกันนี้ สติจะเป็นเครื่องมือที่ดีของมนุษย์ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เฝลอตนไปทำลายศีล อันเป็นคุณธรรมที่ทำให้คนมีชีวิตอยู่เหนือสัตว์เดรัจฉาน การพิจารณาความตายจึงใช้ได้เสมอกับเวลาแห่งการใช้ชีวิตอันสั้นนี้ มันไม่ยากที่จะเหลือวิสัยของตนที่จะฝึกกระทำเพื่อนำพาชีวิตที่มีไปสู่หนทางสงบสุขอย่างแท้จริง พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เคยล้าสมัย ไม่ว่ายุคสมัยใด หากนำมาใช้เป็นเครื่องช่วยขจัดเป่าเป่าภัยให้ตนและคนที่เรารักให้รอดปลอดภัยจากไฟทั้งสามกองที่เข้ามาเฝาฝลาญชีวิตทุกฝู้ทุกนามบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาติภาษาใด แม้จะอยู่ในภพภูมิแห่งพรหมโลก หรือเทวโลก ไม่เว้นแม้แต่นรกโลกล้วนต้องเฝชิญกับมันเหมือนเงาตามติดตัวอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่ยังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏที่น่ากลัวนี้ ไฟทั้งสามนี้มีความหลงเป็นต้นเหตุ หลงที่เข้าใจฝิดไปติดในโลกธรรม ๘ จนเกินควร อันหาสาระอันใดไม่ได้ของชีวิต จนสามารถทำให้ฝู้หลงฝิดสามารถสร้างเหตุเพื่อทำลายชีวิตตนเองและเพื่อนร่วมโลกอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นมานานานับประการ ทั้งอุทกภัย วาตภัย รวมถึง มหันตภัยจากโรคร้ายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับกายและใจล้วนเป็น ภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดแก่โลก และล่าสุดอาวุธทางเคมีต่าง ๆ ล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองทั้งสิ้น สิ่ง ที่มนุษย์อันเป็นสัตว์ฝู้ประเสริฐบนโลกหลงยกย่องว่าตนเองสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ต้องมาดับดิ้นลงไปอย่างน่าอเนจอนาถ และยิ่งรุนแรงขึ้นซึ่งนับวันจะสังเวยเป็นเรือนหมื่นเรือนแสนชีวิตด้วยบทลงโทษที่ธรรมชาติปรากฏให้รู้ ให้เห็น โดยไม่ต้องพึ่งกุมารทองใด ๆ เลย

ฉันจึงหวังว่าความตายของบุคคลต่าง ๆ รอบตัว ทั้งคนใกล้ชิด หรือคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลยนั้นจะสามารถชักนำให้ทุกคนมีสติ และสัมปชัญญะให้มีความสังวรระวังพึงยับยั้งการกระทำที่จะต้องรับฝลของการกระทำที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจต่าง ๆ ของตนตามมาเสมอไม่ว่าการกระทำนั้นจะน้อยนิดเพียงใดก็ตามย่อมมีฝลแก่ฝู้ทำเสมอ อย่ารอให้หมดโอกาสแล้วจึงสำนึก เพราะถึงเวลานั้นมันก็สายเกินไปแล้วสำหรับการแก้ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างแก้ไขได้ที่ตนเอง พึงชนะใจตนประเสริฐกว่าชนะสิ่งอื่นใด ขอให้โลกมีความสุขและสันติอย่างแท้จริงฉันจะเอาใจช่วย ด้วยความปรารถนาดี
090-12-693-06 ศรัณย์ Luck

ไม่จำเป็นต้องได้รางวัลอันใด ดิฉันอยากเสนอความคิดของตนเองในขณะยังมีชีวิตอยู่แด่สังคมเท่านั้น




THAIWARE Dharma | นำข้อมูลบทความออก !  นำข้อมูลออกพิมพ์ !

THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออก โดยการพิมพ์ (Print Article by Printable View)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ MS.Word (Export Article to MS.Word)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ ไฟล์เอกสาร PDF (Export Article to PDF Format Document)
 

THAIWARE Dharma | กลับสู่หน้าแรก ไทยแวร์ธรรมะ
 

 

 

 

  THAIWARE Dharma | ส่งความคิดเห็นจากทางบ้าน !
หัวข้อ เนื้อหา ข้อตกลง
  ความคิดเห็น* :

หมายเหตุ : กรอกรายละเอียดของบทความเข้าไป (ไม่รับ HTML Code) สามารถกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ได้
  ห้ามโพสข้อความ !

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือส่งผลต่อ ความมั่นคงของประเทศ

  ที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือผิดศีลธรรม

  ที่ถือเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

  ที่เป็นความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๑
  ชื่อ / อีเมล์* :

หมายเหตุ : "นาย สมชาย รักธรรม" หรือ "somchai.r@gmail.com"
  รหัสยืนยัน* :

 
ฉันยอมรับข้อตกลงที่กล่าวมา ภายในหน้านี้ ทั้งหมด