ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
 

 

รวมลิ้งค์ เว็บไซต์ธรรมะ ที่น่าสนใจ
  THAIWARE Dharma | รายละเอียด บทความ บทสวด บทคาถา ธรรมะ
เลือกขนาดตัวอักษร ขนาดตัวอักษร :  ก   ก   ก   ก 

สิ่งทั้งปวงเป็นธรรมะ (ปีที่ 2 ตอน 3) อกุศลค่อยๆ จาง เมื่อค่อยๆ เข้าใจธรรมะมากขึ้น

 

    Share  
 

 

 

อาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555 (คยา - พาราณสี)
อกุศลค่อยๆ จาง เมื่อค่อยๆ เข้าใจธรรมะมากขึ้น

วันนี้ตื่นเช้าทานข้าวแล้วรีบไปใส่บาตร ข้าพเจ้าเข้าไปใส่บาตรเกือบถึงทางเข้าพระสถูปพุทธคยาด้านใน อาหารในกล่องประกอบด้วย ข้าว กับข้าว ขนม น้ำผลไม้กล่อง ผลไม้ ข้าพเจ้าแบ่งอาหารในกล่องใส่บาตรพระเณรชาวไทยและต่างประเทศที่มาบิณฑบาต ดูเหมือนข้าพเจ้าจะได้ใส่บาตรภิกษุณีไทย (หรือ สามเณรี ก็ไม่แน่ใจ แต่ท่านนุ่งห่มจีวร เหมือนภิกษุณีศรีลังกา) ที่ข้าพเจ้าเคยถวายโคมเทียนให้เวียนเทียน เมื่อปีที่แล้วด้วย เพราะเสียงพูดคล้ายกัน แต่ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้ซักถาม  ทราบว่าคณะท่านอาจารย์ก็ถวายภัตตาหารเลี้ยงพระเณรที่มหาโพธิสมาคมเช่นกัน หลังจากนั้นเราไปถวายสังฆทานที่วัดป่าพุทธคยา ข้าพเจ้าพาพี่ๆน้องๆ ในคณะ ไปกราบหลวงพ่อทันใจ ซึ่งสร้างเสร็จในหนึ่งวัน ไปดูบ่อน้ำเก่าที่เล่ากันว่า พญามุจลินท์นาคราชเคยปรากฏให้เห็น ตามประสาคนชอบในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์เรื่องเล่าต่างๆ แบบนี้  เพราะยังไม่ประจักษ์ในปรมัตถธรรม จากนั้นไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยพุทธคยา ข้าพเจ้าไปบริจาคเงินให้คลินิกรักษาโรคของวัด แล้วไปเช่าพระพุทธเมตตา รุ่น “หายาก”  สำหรับเป็นของฝาก ที่เช่าเพราะชอบใจที่ตั้งชื่อว่า รุ่นหายาก เพราะองค์พระเล็กมาก ถ้าหล่นลงพื้น จะหายากจริงๆ  จากนั้นแวะไปกราบพระพุทธรูปไดบุตสึ องค์โตที่วัดญี่ปุ่น แล้วกลับมาโรงแรมเตาใหญ่ ทานอาหารเที่ยง ข้าพเจ้ากะจะให้ทิปทุกคน คนละสิบรูปีส์ แต่พอรู้ว่าห้องอาหารนี้มีเจ้าหน้าที่ทำงานทั้งในครัวและนอกครัวทั้งหมด 25 คน ก็ชะงักความคิดไป ถ้าเป็นขากลับ สตางค์เหลือพอ ข้าพเจ้าอาจจะให้ทุกคน แต่นี่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะใช้สตางค์เยอะไหม ขอเขียมไว้ก่อน เลยให้ทิปบริกรแค่ 4 คน

จากนั้นออกเดินทางไปพาราณสี คณะเราครึ่งหนึ่งขึ้นเครื่องบิน อีกครึ่งไปรถทัวร์ ข้าพเจ้าเลือกไปรถทัวร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7- 8 ชั่วโมงใกล้เคียงกัน เพราะการเดินทางโดยเครื่องบิน เราต้องไปก่อนเวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. สำหรับคณะเดินทางที่มากกว่า 30 คน ถึงจุดหมายแล้ว ก็ยังต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ อีกประมาณ 1 - 2 ชม. ใช้เวลาในเครื่องบินอีกชั่วโมง นั่งรถจากสนามบินไปที่พักอีกชั่วโมง แม้ไปเครื่องบินสบายกว่า แต่ความลำบากจากการเดินทางโดยรถทัวร์ก็มีเรื่องสนุกๆ หรือเรื่องประทับใจได้เสมอ ที่สำคัญประหยัดค่าเดินทางไปได้ 3000 บาท อันนี้เป็นเหตุผลสำคัญจริงๆ ในระหว่างเดินทางได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์ที่น้องเต้ยเปิดให้ฟังในรถด้วย สาธุ ดีจริงๆ ข้าพเจ้าพอจดบันทึกมาได้ดังนี้

ไม่กังวล ไม่เดือดร้อน ไม่วุ่นวาย เมื่อมีปัจจัย ธรรมะก็เกิด แล้วดับไป ความเข้าใจแท้ๆ เมื่อธรรมะปรากฏ ต้องพิจารณาให้เข้าใจ เห็นทางตา มีสภาพรู้ปรากฏ ต้องพิจารณาจริงๆ จนกว่าความเข้าใจจะเกิดขึ้น ธัมมานุธัมมปฏิบัติ คือ ขณะที่มีความรู้เกิด แล้วละได้ เป็นกุศลที่เป็นไปเพื่อละกิเลส

ปติปัตติ ถึงเฉพาะด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่อค่อยๆ รู้ขึ้น ว่าเป็นธรรมะ อกุศลค่อยๆ จาง เมื่อค่อยๆ เข้าใจธรรมะมากขึ้น กิเลสก็จะค่อยๆ เบาบาง แต่ยังไม่ถึงกับดับกิเลสได้หมดสิ้น

ทุกคน มีกรรมเป็นของตน เมื่ออกุศลวิบากเกิด เป็นทุกข์ แล้วก็ดับไป

สภาพธรรมะมีอยู่ แล้วเราก็ใช้ภาษาต่างๆ เรียก เพื่อให้เข้าใจ แต่ไม่ให้ไปจำไปติดในภาษา

ความต้องการ ไม่หายไปไหน พอฟังธรรมะ ความต้องการ ผลของธรรมะ ก็เต็มไปหมด

ไม่ต้องรอสติปัฏฐานเกิด ศึกษาให้เข้าใจไปเรื่อยๆ แล้วสติปัฏฐาน ก็เกิดเอง เพราะเป็นอนัตตา ไม่หวัง แต่จุดประสงค์ของการศึกษา คือ เข้าใจขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ เมื่อเราเข้าใจจริงๆ เราต้องบอกความเข้าใจของเราได้

การไตร่ตรองของเรา จากการศึกษา อ่าน ฟัง คือ ความเข้าใจ ... การละคลายความติดข้อง โดยเลิกดูทีวี มีปัญญาจริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็ไม่ใช่ เหมือนคนพยายามจะฝืน ไม่เป็นปกติ ถ้ามีปัญญา จะรู้จักตัวเอง ตามความเป็นจริง เป็นผู้ไม่ประมาท รู้ว่า แม้ไม่ดูทีวี ก็ยังมีโลภะ (ความอยาก ความต้องการ ความติดข้อง) เมื่ออบรมการเจริญปัญญา ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องอธิษฐาน แต่ศึกษาไปเรื่อยๆ จนเข้าใจ ซึ่งเป็นผลของการอบรม

โลภะที่เกิดกับความเห็นผิด เป็นโลภะที่ต้องเอาออกไปก่อน การเจริญปัญญาจึงจะก้าวหน้าไปได้ เมื่อปัญญาประจักษ์ ปัญญาสามารถรู้สภาพธรรมที่เกิดขึ้นได้ ตามความเป็นจริง

ความเกิดดับสืบต่อเนื่อง จึงทำให้ยึดถือในนิมิต (รูปร่าง สัณฐานอย่างหยาบ เช่น รูปร่างคน เป็นต้น) อนุพยัญชนะ (รายละเอียด เช่น ผู้หญิง หน้าตายิ้มแย้ม มีชื่ออย่างนี้ๆ เป็นต้น)

สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง คือ รูปธาตุ (รูปธาตุไม่มีสภาพรู้ นามธาตุมีสภาพรู้ จึงรู้ จึงจำ จึงรู้สึก จึงนึกคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆ)

ข้าพเจ้าจดมาได้เพียงเท่านี้ แต่สิ่งที่สร้างความยินดียิ่งให้ข้าพเจ้าก็คือ เสียงบรรยายธรรมของท่านอาจารย์เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าใจสติปัฏฐานที่ถูกต้องมากขึ้น และเป็นคำตอบว่า ข้าพเจ้าผิดตรงไหนและที่ถูกต้องคืออย่างไร ข้าพเจ้าขออนุญาตเล่าในภายหลัง ตอนนี้ขอฟังท่านอาจารย์บรรยายไปเรื่อยๆ ก่อน เพื่อสะสมความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งขึ้น ให้ละเอียดขึ้นกว่านี้

ระหว่างเดินทางนี้พี่ๆ น้องๆ ลุกมาแจกขนม ของกินเล่นและผลไม้ ให้ทานกันเป็นระยะๆ สาธุ ได้ทานทับทิมซึ่งคณะที่ไปนาลันทาซื้อกันมา รสชาติดี เมล็ดอ่อนเคี้ยวได้ ถ้าช่วงเดือนกุมภา มีนา จะมีองุ่นเขียวไร้เมล็ดด้วย ใครทานมากท้องเสียจริงๆ น้องนัทมาแนะนำการตรวจและรักษาสุขภาพด้วยวิธี กัวซา (Guasa กัว แปลว่า ขูด ซา แปลว่า สารพิษ) ข้าพเจ้าเพิ่งเคยได้ยิน วิธีการคือเอาเขาควายที่ทำเป็นรูปหวี แต่ไม่มีซี่ มาขูดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากส่วนใดมีปัญหา ก็จะเป็นรอยแดงเป็นปื้นที่เกิดจากการขูด พี่แต๋วขอให้น้องช่วยทำกัวซาให้น้องมิ้นท์ด้วย น้องมิ้นท์เป็นคนพิเศษ (ออทิสติก) กว่าพี่แต๋วจะพาน้องมิ้นท์มาครั้งนี้ได้ ข้าพเจ้าก็ทั้งลุ้นทั้งปลอบใจมาเป็นระยะๆ เที่ยวที่แล้วน้องมิ้นท์ค่อนข้างเงียบ แต่เที่ยวนี้น้องมิ้นท์แสดงโลกส่วนตัวออกมาให้ชาวประชาได้เห็น ได้ตกใจ ขนาด รปภ. สนามบินดอนเมือง เดินมาหาข้าพเจ้า ทำหน้าขึงขัง ว่าอาจต้องเชิญออกจากสนามบิน ข้าพเจ้าเลยบอกว่าเป็นเด็กพิเศษ อาจส่งเสียงดัง แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร จึงเข้าใจกัน โชคดีที่น้องมิ้นท์มาอินเดีย และมากับคณะผู้ศึกษาธรรม จะทำอย่างไรๆ แขกก็ไม่ว่า ไทยก็เข้าใจ พี่แต๋วและน้องวิภาพร เตรียมช่วยกันจับน้องมิ้นท์ เพราะเกรงว่าทำกัวซาที่หัว อาจทำให้น้องมิ้นท์เจ็บและอาจไม่ยอม แต่ผิดคาด พอเริ่มทำกัวซาที่หัว น้องมิ้นท์สงบลง ดูตาปรือเคลิ้มๆ หลังจากทำแล้ว น้องมิ้นท์สงบลงมาก ไม่ค่อยส่งเสียงดัง พอถึงคิวข้าพเจ้า โอ้โห น้องขูดหัวพี่ เสียงดังแกรกๆ เหมือนหัวพี่เป็นกะลามะพร้าว ยังไม่เจ็บ แต่พอขูดที่ข้างหู ตรงทัดดอกไม้ เจ็บมาก น้องบอกว่า เส้นเลือดบริเวณนั้นมีไขมันเยอะ ถ้าไขมันไม่ลดลงอาจเป็นอันตรายในอนาคต การแก้ไข ถ้าให้เร็ว ควรฝึกการใช้กัวซา ทานอาหารเสริมที่น้องแนะนำข้าพเจ้าสนใจเลยขอนามบัตรไว้ จากนั้นน้องก็ขูดตามส่วนต่างๆ เพื่อดูว่าบริเวณใดมีปัญหาจะได้หาทางแก้ไขก่อนเจ็บป่วย ก็เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจ สำหรับการดูแลสุขภาพตนเอง

มีคนถามพี่แต๋วว่าการพาน้องมิ้นท์มาอินเดีย น้องมิ้นท์ได้ธรรมะแค่ไหน พี่แต๋วตอบว่าได้สัมผัส ข้าพเจ้ามานึกๆ แล้วมีความเห็นว่าการมาเที่ยวก่อน น้องมิ้นท์ได้ไปกราบสังเวชนียสถานมากกว่าเที่ยวนี้ เพราะเที่ยวนี้ส่งเสียงดังมาก และบางทีไม่ยอมลงจากรถ นอกจากนี้พี่แต๋วคงลืมหรือไม่ทันนึก จึงไม่ได้เตรียมการในเรื่องการฝึกให้น้องมิ้นท์รู้จักการควบคุมอารมณ์หรือกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ไม่ได้ฝึกให้กราบพระ สวดมนต์ ฟังธรรม เป็นประจำ ข้าพเจ้าก็คิดเอาดังใจเกินไป ก็ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นอนัตตา บังคับบัญชาอะไรไม่ได้ ดังนั้นการมาอินเดียของน้องมิ้นท์ จึงเป็นเพียงการมาสะสมความคุ้นเคยในกิจกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา ทางตา หู จมูก ลิ้นและกาย เช่น ได้มาเห็นสังเวชนียสถาน เห็นคนมาทำบุญ มาเวียนเทียน ได้ยินเสียงสวดมนต์ ได้ยินเสียงบรรยายธรรม ได้กลิ่นธูป กลิ่นน้ำหอม กลิ่นดอกไม้ที่นำมาสักการบูชาพระรัตนตรัย ได้ลิ้มรสอาหารแขก (ถ้าจำไม่ผิดคราวก่อนน้องมิ้นท์ได้ชิมขนมขาชา (Khaja) ซึ่งเป็นขนมที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ขายข้างทางระหว่าง กรุงราชคฤห์ และนาลันทา ป้ายหน้าร้านมักมีรูปพระพุทธเจ้าให้เป็นที่สังเกต แต่บางร้านเป็นรูปพระศิวะ ลักษณะเป็นแป้งทอดพองกรอบเป็นชั้นๆ เหมือนขนมพายกรอบ มีสองแบบคือเค็มกับหวาน) และน้องมิ้นท์ได้สัมผัสบรรยากาศในแต่ละสังเวชนียสถาน ได้กราบพระรัตนตรัย ได้เวียนเทียน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ดีแก่น้องมิ้นท์ในอนาคต

สนุกสนานกันมาไม่นาน ก็เริ่มค่ำ ต่างคนก็เริ่มเงียบเสียง ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกเจ็บคอ พยายามดื่มน้ำ เอาผ้าพันคอ ใส่หมวก แต่ก็ไม่ดีขึ้น มีเมื่อยๆ ตัวเล็กน้อย พอมาถึง The Gateway Hotel โรงแรมห้าดาว ข้าพเจ้ารีบขอยาจากพี่ๆ น้องๆ ในคณะ ขอขอบคุณและอนุโมทนาในเมตตาจิตของทุกท่าน นอกจากยาฟ้าทลายโจร ที่ข้าพเจ้าลืมเอามาจากบ้าน ก็มีวิตามินซี ยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาอมแก้เจ็บคอ ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ ยาดม ยาไทย ยาแขก และยาคูลแคป (KoolCapp) ของน้องวิภาพร ข้าพเจ้าขอไว้หมด และรับประทานยาแต่ละชนิดไปตามอาการ แล้วเอาน้ำมันเขียวที่พี่เล็กแจกให้ที่ดอนเมือง สรรพคุณกินกะได ทากะได ดมกะได หยดผสมน้ำดื่มแก้เจ็บคอ

จริงๆ แล้ว ข้าพเจ้าต้องดื่มน้ำมากๆ ด้วย แต่ด้วยอากาศที่เย็น ทำให้น้ำในขวดเย็น ก็ไม่ค่อยอยากดื่ม และน้ำร้อนในห้องอาหาร ก็ไม่กล้าดื่มมาก รสชาติไม่คุ้นและบางแห่งกลัวท้องเสีย  คืนนี้ และหลายๆ คืน ต่อมา ข้าพเจ้ารู้สึกว่ากลิ่นอาหารในห้องอาหารไม่ชวนรับประทาน ซึ่งผิดปกติวิสัยของข้าพเจ้า คราวนี้สงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ จึงงดอาหารเย็น แล้วรีบเข้านอน




THAIWARE Dharma | นำข้อมูลบทความออก !  นำข้อมูลออกพิมพ์ !

THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออก โดยการพิมพ์ (Print Article by Printable View)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ MS.Word (Export Article to MS.Word)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ ไฟล์เอกสาร PDF (Export Article to PDF Format Document)
 

THAIWARE Dharma | กลับสู่หน้าแรก ไทยแวร์ธรรมะ
 

 

 

 

  THAIWARE Dharma | ส่งความคิดเห็นจากทางบ้าน !
หัวข้อ เนื้อหา ข้อตกลง
  ความคิดเห็น* :

หมายเหตุ : กรอกรายละเอียดของบทความเข้าไป (ไม่รับ HTML Code) สามารถกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ได้
  ห้ามโพสข้อความ !

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือส่งผลต่อ ความมั่นคงของประเทศ

  ที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือผิดศีลธรรม

  ที่ถือเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

  ที่เป็นความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๑
  ชื่อ / อีเมล์* :

หมายเหตุ : "นาย สมชาย รักธรรม" หรือ "somchai.r@gmail.com"
  รหัสยืนยัน* :

 
ฉันยอมรับข้อตกลงที่กล่าวมา ภายในหน้านี้ ทั้งหมด