ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
 

 

รวมลิ้งค์ เว็บไซต์ธรรมะ ที่น่าสนใจ
  THAIWARE Dharma | รายละเอียด บทความ บทสวด บทคาถา ธรรมะ
เลือกขนาดตัวอักษร ขนาดตัวอักษร :  ก   ก   ก   ก 

สิ่งทั้งปวงเป็นธรรมะ (ปีที่ 3 ตอน 2) กราบพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอัครสาวกทั้งสอง

 

    Share  
 

 

 

เสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2556 (ต่อ)

กราบพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอัครสาวกทั้งสอง

หลังสนทนาธรรม วันนี้คณะย่อยที่ข้าพเจ้าเดินทางมาด้วยจะเป็นคณะที่ถวายเพลและถวายย่ามที่อาจารย์ดวงเดือนสั่งทำมาฝากถวายที่มหาโพธิสมาคม พุทธคยา เที่ยวนี้มีพระเณรประมาณห้าสิบองค์ ข้าพเจ้าซื้อถุงเท้า และลูกอม มาใส่ย่าม และฝากใส่ย่ามพี่ๆ น้องๆ ท่านอื่นๆ ด้วย หลายท่านใจตรงกันทั้งท่านที่ไม่ได้มาและมาอินเดีย จึงฝากกันไปกันมา ย่ามที่ข้าพเจ้าจะถวายจึงหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยประการฉะนี้ สาธุ พูดถึงลูกอมที่ข้าพเจ้าซื้อมาถวายพระเณรและแจกแขกนี้ ข้าพเจ้ามุ่งถวายเป็นยา เพราะพระเณรฉันเป็นยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ หรืออาพาธอื่นๆ ได้ เมื่อข้าพเจ้าฝากใส่ย่ามของน้องโต น้องโตสงสัยว่าถวายได้หรือ และช่วยกรุณาถามอาจารย์ที่ท่านเชี่ยวชาญทางพระวินัย แล้วกลับมาบอกข้าพเจ้าว่า ถวายได้ ต้องขอบคุณน้องโตที่ช่วยสอบถามเพื่อความกระจ่างว่าไม่ผิดพระวินัย 
 
ในโรงฉัน ข้าพเจ้ามานั่งรออยู่แถวหน้าใกล้พระผู้ใหญ่ ใกล้ๆ ท่านอาจารย์สุจินต์ ขณะรอถวายย่ามและถวายเพลด้วยจิตฟุ้งซ่านมีอกุศลวิตกนึกเรื่องโน้นเรื่องนี้ จึงวางแผนจะถวายพระภิกษุองค์มีอายุทางด้านซ้ายของพระสีวลี รองเลขาธิการ มหาโพธิสมาคม ซึ่งยืนทำหน้าที่พิธีกรอยู่ เพราะองค์ทางขวาซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าอายุกลางคนมีท่าทางไม่ค่อยสำรวม แล้วข้าพเจ้าก็ระลึกได้ว่า ไม่ควรถวายเจาะจง ควรน้อมใจถวายสงฆ์ ถวายพระอริยสงฆ์ ซึ่งดูจากท่าทางภายนอกไม่ได้ เมื่อคิดได้แล้ว ก็คิดเลยเถิดต่อไปอีกว่า ถ้าไม่มีใครเชิญท่านอาจารย์ถวายภัตตาหารและย่าม ข้าพเจ้าจะเรียนเชิญท่านอาจารย์ถวาย เพื่อขออาศัยปัญญาท่าน (หวัง...โลภะอีกแล้ว) เป็นเครื่องนำพาให้ถึงฝั่งแห่งความจริงแท้ เมื่อถึงเวลาถวาย ผลุบๆ ผลับๆ ต่างคนต่างรีบถวายเพราะจะเลยเวลาฉัน ข้าพเจ้าเรียนเชิญท่านอาจารย์ถวายย่ามให้องค์มีอายุ ก็พอดีมีท่านอื่นถวายไปแล้ว จึงเรียนชวนท่านถวายพระสีวลีแทน จากนั้นเจ้าหน้าที่วัด นำอาหารมาให้ ข้าพเจ้าหยิบได้ชามที่เป็นเครื่องเคียง พวกยำที่ทำด้วยแครอท แล้วเรียนเชิญท่านอาจารย์ตักถวายพระองค์ที่มีอายุ ท่านอาจารย์มีเมตตาไม่ขัดความปรารถนาข้าพเจ้า ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ แล้วก็ตักอาหารในชามถวายองค์อื่นๆ ต่อไป ตักใส่องค์ละช้อนให้พอดีกับข้าว เพราะอาหารมีหลายอย่าง องค์ไหนพอแล้วหรือไม่ฉัน ท่านจะยกมือห้าม หรือ เอามือปิดจาน หลังจากนั้นพวกเราก็ออกมารออยู่ข้างนอกโรงฉัน
 
ข้าพเจ้าได้ทราบภายหลังว่าพระองค์ที่มีอายุนั้น เป็นสมเด็จพระสังฆราชศรีลังกา ที่ศรีลังกามีพระสังฆราชสององค์ที่คนไทยรู้จัก องค์นี้มีอายุมากแล้วชื่อสมเด็จพระสังฆราช พุทธรักขิตะ มหาเถระ เป็นพระสังฆราชนิกายสยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์ ท่านจะอยู่วัดพระเขี้ยวแก้ว ส่วนอีกองค์หนุ่มกว่าเป็นพระสังฆราชนิกายอมรปุระ ชื่อสมเด็จพระสังฆราช วัสกดุเว และน่าจะมีอีกองค์ของนิกายรามัญ แต่ข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อ วันนี้พระสังฆราชพุทธรักขิตะ และชาวศรีลังกามาร่วมทำพิธีเปิดศาลาฟังธรรม พร้อมฉลองสมโภชพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่บนเนินอิฐก่อขึ้นเป็นขั้นกระไดเหมือนขึ้นไปบนเขาเล็กๆ มีพระพุทธรูปอยู่หน้าถ้ำ และทางขึ้นสองข้าง ข้างขวาขององค์พระเป็นพระเจดีย์ทององค์ย่อมๆ ส่วนข้างซ้ายเป็นรูปปั้นท่านอนาคาริก ธรรมปาละผู้ก่อตั้งมหาโพธิสมาคม และเป็นผู้ฟื้นฟูพุทธศาสนาในอินเดีย ที่สำคัญคือท่านต่อสู้เพื่อให้พุทธคยากลับมาเป็นของชาวพุทธดังเดิม สาธุ วันนี้ที่มหาโพธิสมาคมจึงประดับธงทิว และร้อยดอกดาวเรืองเป็นสายห้อยระโยงระยางระหว่างทางเดินดูสวยงาม ตรงประตูทางขึ้นศาลาสร้างใหม่ เขาทำซุ้มดอกไม้สีสันงดงาม จึงเป็นมุมถ่ายรูปของพวกเรา งานนี้ทั้งไทย ศรีลังกา อินเดีย ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย ยิ้มแย้มกันดี
 
ยามบ่ายหลังอาหารเที่ยง คณะเรากลับมาที่มหาโพธิสมาคมอีกครั้งเพื่อจะทำพิธีถวายเครื่องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอัครสาวกทั้งสอง พร้อมส่วนประกอบภายในขององค์เดิม ที่ทำขึ้นใหม่เพื่อแทนที่บรรจุเดิมทั้งสาม อีกครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงเวลาทำพิธีถวายฯ ข้าพเจ้าชวนคุณน้าอร่ามศรีไปกราบพระมหาสถูป แต่เจ้ากรรม ข้าพเจ้าลืมฝากกล้องถ่ายรูปไว้ที่เต็นท์เจ้าหน้าที่ เมื่อเข้าประตูชั้นนอกเจ้าหน้าที่จึงไม่ให้เข้า ข้าพเจ้าคิดจะเอากล้องไปฝากเจ้าหน้าที่แถวนั้นไว้ แต่คุณน้าอร่ามศรีหวังดีและเสียสละให้ข้าพเจ้าเข้าไป ตัวท่านจะถือกล้องไว้ให้และกลับมารอที่มหาโพธิสมาคม ข้าพเจ้ารู้สึกผิด รู้สึกเกรงใจ แต่ด้วยเวลาจำกัด จึงตัดใจ ได้แต่ขอโทษ และขอบพระคุณคุณน้า แล้วรีบเข้าไปเพื่อจะถวายพานพุ่มเล็กๆ ในที่สมควรภายในพุทธมณฑลนี้ ข้าพเจ้าตัดสินใจนำไปถวายที่รัตนฆรเจดีย์ ระหว่างเดินลัดเลาะไปตามทาง ข้าพเจ้าเห็นฝรั่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ ก็ลืมนึกถึงฤๅษีฝรั่ง คิดจะมอบหนังสือให้เขาใช้ประโยชน์ เพราะหนังสือปกแข็งเล่มหนาเมื่อหอบมาก็ชักหนักเป็นภาระที่ต้องการเอาออกไปเร็วๆ ปรากฏว่าเป็นชาวฝรั่งเศส กำลังอ่านเรื่องบุดดาจีวะ (พุทธประวัติ) ในภาษาฝรั่งเศสอยู่ ข้าพเจ้าเลย สาธุ แล้วลามา ที่รัตนฆรเจดีย์ ก็กำลังทำปะรำพิธีมีการตกแต่งด้วยดอกไม้ และผ้าต่างๆ ที่พระเจดีย์นี้ข้าพเจ้าวางพานพุ่มและประพรมน้ำหอมไว้ที่พื้นข้างหน้าติดลูกกรงประตูเล็กๆ ที่ปิดไม่ให้เข้าไปในองค์เจดีย์ ซึ่งภายในมีพระพุทธรูป และมีที่พอให้คนเข้าไปนั่งได้สักสามสี่คน
 
หลังจากนั้น เมื่อถวายเสร็จ ข้าพเจ้าเหลือบเห็นเด็กหนุ่มกำลังจัดข้าวของอยู่ข้างใน จึงส่งภาษาอังกฤษผสมภาษาท่าทาง ให้เขาช่วยเอาพานพุ่มไปวางไว้ข้างหน้าพระพุทธรูป แต่เขาหันหน้าพานพุ่มเข้าหาพระพุทธรูป ที่จริงเขาก็วางถูก แต่ยังไม่ถูกใจข้าพเจ้าซึ่งอยากให้พานพุ่มหันหน้าออกมา ก็ส่งภาษาอีก ปรากฏว่าไม่เข้าใจกัน พอดีผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังสาละวนตกแต่งสถานที่อยู่ใกล้ๆ ข้าพเจ้า ช่วยส่งภาษากับเด็กหนุ่มให้จัดวางพานพุ่มหันหน้ามาให้สวยงามดังใจ ข้าพเจ้าขอบคุณทั้งสองท่าน แล้วคุยสอบถาม ได้ความว่าเป็นชาวเมียนมาร์ พรุ่งนี้จะมีพระมาประมาณ 24 รูป มาสวดพระอภิธรรมบูชาพระพุทธองค์และพระรัตนตรัย ข้าพเจ้าเลยถามว่า คุณสนใจอ่านหนังสือพระอภิธรรมไหม ถ้าสนใจ ฉันจะมอบหนังสือให้ เขาตอบรับ และให้ข้าพเจ้าเขียนมอบหนังสือให้ จึงทราบว่าชื่อ ดร. อ่อง วิน (Dr. Aung Win) ข้าพเจ้าดีใจมาก ประเทศไทยได้มีการศึกษาพระอภิธรรมอย่างกว้างขวางขึ้น ก็เพราะได้พระภิกษุจากพม่ามาช่วยสอนช่วยแนะนำ ถึงตอนนี้คนไทยสนใจและเข้าใจพระอภิธรรมมากขึ้นแล้ว ก็ขอมอบหนังสือนี้กลับไปเมียนมาร์ เพื่อเป็นการขอบพระคุณอย่างยิ่งจากคนไทย ที่ได้มีโอกาสศึกษาพระอภิธรรม จากนั้นข้าพเจ้าก็รีบล่ำลามาให้ทันพิธีที่มหาโพธิสมาคม และได้กราบพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอัครสาวกทั้งสองด้วยความปีติอีกครั้งหนึ่ง
 
และหลังจากนั้นพวกเราออกมารอท่านที่กำลังกราบพระบรมสารีริกธาตุ ฯ กันอยู่ด้านนอกพระมูลคันธกุฎีที่ประดิษฐาน ข้าพเจ้าก็หาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตามประสาคนชอบสอดรู้สอดเห็น บางทีก็ขอถ่ายรูปอาจารย์ท่านที่คุ้นเคยและพี่ๆ น้องๆ โดยเฉพาะนางแบบประจำของข้าพเจ้าคือพี่หมู แล้วชวนกันมายืนรอคณะกันด้านหน้าประตูมหาโพธิสมาคม พอดีเห็นท่านอาจารย์ยืนอยู่ท่านเดียว ข้าพเจ้าจึงเข้าไปขอธรรมะสั้นๆ ท่านอาจารย์เมตตากล่าวธรรมะมาค่อนข้างยาว คนความจำ (เรื่องดีๆ) สั้น จึงจำมาได้เพียง "ไม่ประมาท ธรรมะนั้นละเอียด ลึกซึ้ง ....." ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ท่านพูดธรรมะนี้ให้ข้าพเจ้าได้ยินเฉพาะเป็นครั้งที่สองแล้ว เป็นปริศนาธรรม เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าพระธรรมไม่ได้หมูอย่างที่ข้าพเจ้าคิดไว้
 
ข้าพเจ้า พี่หมู น้องวิภาพรและคุณหน่อย ชวนกันเข้าไปในบริเวณพุทธมณฑลกันก่อน ระหว่างรอคณะที่ยังไม่พร้อม ก็เจอ "สหาย" ลูกชายคนเดิมและคนเดียว ที่หน้าประตูวัด ชวนให้แม่แลกเงินรูปีส์ ข้าพเจ้าบอกว่ามีแล้ว ทักทายอวยพรเล็กน้อยแล้วรีบไป หลังจากกระทำประทักษิณรอบพระมหาสถูปแล้ว เราก็เข้าไปกราบพระพุทธเมตตา คนเริ่มเยอะเพราะใกล้ค่ำแล้ว ออกมาหากันไม่เจอ ข้าพเจ้าเหลือบเห็นคณะใหญ่เริ่มเวียนเทียนรอบนอก ก็ละล้าละลัง แต่ก็รีบเดินตามคณะใหญ่ไปพร้อมกับคอยมองหาพี่ๆ น้องๆ ว่ามากันหรือยัง ทำให้จิตเป็นอกุศลอยู่นาน จนเห็นว่าทุกคนอยู่ในคณะกันแล้วก็คลายกังวลใจ เวียนเทียนคืนนี้เจอฤๅษีฝรั่ง นั่งที่เดิม ข้าพเจ้าแอบเหลือบตามองไป เพราะกำลังเวียนเทียน จึงพยายามสำรวมกายวาจาใจ เพื่อแสดงความเคารพพระรัตนตรัย ก็เห็นฤๅษีเหลือบตามองข้าพเจ้าพอดี พอให้รู้ว่ามอง ทวงสัญญา แล้วก็หลับตาต่อ ข้าพเจ้ารู้สึกผิด จึงคิดว่าถ้ามีโอกาสคราวหน้า คือมีเหตุปัจจัยที่ถึงพร้อม ข้าพเจ้าจะเอาหนังสือธรรมะมาให้แน่ๆ ไม่เปลี่ยนใจกันง่ายๆ แบบนี้ เพราะถ้าจะคิดทึกทักเอาเอง ก็ดูเหมือนว่าฤๅษีรู้และสนใจอยากได้หนังสือธรรมะอยู่เหมือนกัน มีส่งสายตาขุ่นๆ ตัดพ้อมาให้ แต่ถ้ามองมุมกลับ คือ เหลือบตามาเห็นข้าพเจ้า เลยตกใจรีบหลับตาต่อก็ได้ ไม่รู้ใจฤๅษี ได้แต่จินตนาการเอาเองตามความฟุ้งซ่านที่มีอยู่ เมื่อเวียนเทียนด้วยโคมแก้วที่ใส่เทียนปลอม ซึ่งทุกคนได้รับการซักซ้อมการระวังโคมแก้วแตกมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็พร้อมใจกันหันหน้าเข้าพระมหาสถูปพนมมือเปล่งวาจาขอขมาพระรัตนตรัยตามคำกล่าวนำของอาจารย์วิทยากร                                                                                                                                                                                                                                                     
 
อาหารค่ำคืนนี้คุณสุโภชน์ แจกของที่ระลึกแก่พวกเราทุกคน เป็นผ้าอาสนะขนสัตว์ปักด้ายสีต่างๆ สวยงามจากแคชเมียร์ หลายคนมีจิตเป็นกุศล คิดจะนำไปถวายพระ ก็คุยกันว่าจะถวายได้ไหม เพราะปักลวดลายมีสีสันต่างๆ อาจผิดพระวินัย หรือไม่เหมาะสมต่อพระภิกษุที่จะใช้สอยได้ ตกลงว่าจะถามอาจารย์ดู แล้วคุยต่อ มีตอนหนึ่งกล่าวพาดพิงถึงท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าก็คาดคะเนตามนิสัยว่าท่านคงจะเป็น ... !!! ไม่ทันจะพูดก็ถูกน้องจิ๋ว น้องใหญ่ เบรกทันควันว่า ท่านอาจารย์เคยกล่าวว่า "อย่าเดา อย่าคิดเอาเอง ให้พูดสิ่งที่เป็นจริง" ถูกเบรกแบบนี้ก็มีฉุนเล็กน้อย ตามประสา แต่เมื่อระลึกได้ ก็ขอบคุณน้องทั้งสองอย่างยิ่ง เพราะชีวิตประจำวันของข้าพเจ้าก็คิดคาดการณ์เรื่องโน้นเรื่องนี้ เดาอยู่ทั้งวันจริงๆ ไม่เคยนึกถึง เมื่อถูกเบรกในเรื่องนี้จึงมีประโยชน์ต่อตัวข้าพเจ้าเอง ให้ได้มีสติระลึกถึงคำว่า "อย่าเดา" บ่อยขึ้น จะได้ระวังคำพูดมากขึ้นด้วย
 
ที่บริเวณรอบๆ พุทธคยา และภายในรัฐพิหารนี้ มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องในพุทธประวัติหลายแห่งที่น่าสนใจ ได้แก่ สถานที่เสวยวิมุตติสุข บ้านนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาส สถานที่ที่พราหมณ์โสตถิยะถวายหญ้าคาหลังจากพระโพธิสัตว์เสด็จกลับจากลอยถาดข้าวมธุปายาส แม่น้ำเนรัญชรา ดงคะสิริที่พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา คยาสีสะ (ปัจจุบันเรียก เขาพรหมโยนี) ที่ทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรแก่พระภิกษุหนึ่งพันรูปที่เคยเป็นชฎิลบูชาไฟ บริเวณหมู่บ้านชฎิลสามพี่น้อง พระมูลคันธกุฎีบนเขาคิชฌกูฎ บริเวณพระเทวทัตกลิ้งหินหมายปลงพระชนม์พระพุทธองค์ ถ้ำสุกรขาตาที่พระสารีบุตรบรรลุเป็นพระอรหันต์หลังฟังทีฆนขสูตรจบ วัดเวฬุวันพระอารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ครั้งแรกและพร้อมด้วยจาตุรงคสันนิบาตในวันเพ็ญเดือนมาฆะ ตโปทารามที่อาบน้ำของชนชั้นวรรณะต่างๆ ในสมัยพุทธกาลถึงปัจจุบัน คุกขังพระเจ้าพิมพิสาร คลังมหาสมบัติพระเจ้าพิมพิสาร วัดชีวกัมพวันของหมอชีวกโกมารภัจจ์ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรก ปัญจคีรีที่ล้อมเมืองราชคฤห์ รอยเกวียนโบราณที่กดลงบนแผ่นหินบนเส้นทางเข้าออกกรุงราชคฤห์ ถ้ำสัตตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก วัดวาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ที่ทำสังคายนาครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 100  วัดอโศการาม เมืองปัฏนะ (ปัจจุบัน) ที่ทำสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 234 พระมหาสถูปเกสรียาซึ่งเป็นสถูปที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเป็นสถานที่ทรงแสดงเกสปุตตสูตร หรือที่มักเรียกว่ากาลามสูตรอยู่ระหว่างทางจากเมืองเวสาลีไปกุสินารา กูฎาคารศาลาป่ามหาวัน สถานที่ที่พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงขอบวชที่เมืองเวสาลี ปาวาลเจดีย์ สถานที่ปลงพระชนมายุสังขารที่เมืองเวสาลี นอกจากนี้ที่เมืองนาลันทายังมีพระสถูปพระสารีบุตรซึ่งเป็นสถานที่เกิดและปรินิพพานของท่าน มีมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรก วิหารหลวงพ่อองค์ดำแห่งนาลันทา
 
และนอกจากนี้แล้ว รอบๆ พุทธคยาก็มีวัดของประเทศต่างๆ มาสร้างอยู่ ที่น่าชมก่อนคือวัดภูฐาน วัดญี่ปุ่น วัดทิเบต มหาโพธิสมาคม ที่คยามีวัดไทยหลายวัดที่ข้าพเจ้าเคยไปได้แก่วัดไทยพุทธคยา วัดป่าพุทธคยา วัดไทยเนรัญชราวาส และวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนาซึ่งอยู่ไม่ไกลพุทธคยาและมีที่พัก โดยเฉพาะวัดป่าพุทธคยานั้นอยู่ติดรั้วพระมหาสถูปพุทธคยา ... ที่เมืองพาราณสี รอบๆ ธัมเมกขสถูป มีวัดไทยสารนาถ พิพิธภัณฑ์สารนาถน่าสนใจมีหัวสิงห์ที่ยอดเสาหินพระเจ้าอโศก ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของอินเดีย มีพระพุทธรูปที่งามที่สุดในอินเดียและได้จำลองมาเป็นพระประธานที่วัดมูลคันธกุฎีวิหารใหม่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีเจาคันธีสถูปที่พระพุทธองค์ทรงพบปัญจวัคคีย์ ไกลออกไปมีเมืองโกสัมพี (Kaushambi - Hindi or Kosambi - Pali) หรือ จุฬาตรีคูณที่คนไทยรู้จัก ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศ เป็นเมืองของพระเจ้าอุเทนในพุทธกาลและมีวัดโฆสิตาราม สามารถเดินทางไปชมแบบไปเช้ากลับค่ำได้ และรายการที่ทุกทัวร์ต้องมีเมื่อถึงพาราณสีคือ ไปล่องแม่น้ำคงคา ลงเรือทางฝั่งสวรรค์ ลอยกระทงใส่เทียนและดอกไม้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ เพราะเมื่อปี พ.ศ.2337 เชต สิงห์ ราชาผู้ครองเมืองพาราณสีได้ให้ ชคัต สิงห์ อำมาตย์ไปรื้อเอาอิฐในสังฆารามที่สารนาถไปสร้างตลาด ปัจจุบันชื่อตลาดชคันคุนช์ อำมาตย์รื้ออิฐที่ธัมมราชิกสถูปพบอัฐิ 3 ชิ้นและอังคาร แต่ไม่รู้ว่าคือพระบรมสารีริกธาตุจึงนำไปลอยในแม่น้ำคงคาตามความเชื่อว่าผู้เป็นเจ้าของอัฐิจะได้ขึ้นสวรรค์ (ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย) เมื่อทุกสิ่งเป็นธรรมะก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยเป็นอนัตตาโดยแท้ ไม่ทราบว่าท่านลอยพระบรมสารีริกธาตุไว้ตรงจุดไหน จึงน้อมจิตถวายอภิวาทบูชาพระคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทุกที่ จากนั้นดูพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งนรก ชมบริเวณเผาสด ดูแขกอาบน้ำ ดูตึกรามบ้านช่อง ดูโรงแรมรอตาย แล้วดูความวุ่นวายยามเช้า
 



THAIWARE Dharma | นำข้อมูลบทความออก !  นำข้อมูลออกพิมพ์ !

THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออก โดยการพิมพ์ (Print Article by Printable View)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ MS.Word (Export Article to MS.Word)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ ไฟล์เอกสาร PDF (Export Article to PDF Format Document)
 

THAIWARE Dharma | กลับสู่หน้าแรก ไทยแวร์ธรรมะ
 

 

 

 

  THAIWARE Dharma | ส่งความคิดเห็นจากทางบ้าน !
หัวข้อ เนื้อหา ข้อตกลง
  ความคิดเห็น* :

หมายเหตุ : กรอกรายละเอียดของบทความเข้าไป (ไม่รับ HTML Code) สามารถกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ได้
  ห้ามโพสข้อความ !

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือส่งผลต่อ ความมั่นคงของประเทศ

  ที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือผิดศีลธรรม

  ที่ถือเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

  ที่เป็นความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๑
  ชื่อ / อีเมล์* :

หมายเหตุ : "นาย สมชาย รักธรรม" หรือ "somchai.r@gmail.com"
  รหัสยืนยัน* :

 
ฉันยอมรับข้อตกลงที่กล่าวมา ภายในหน้านี้ ทั้งหมด